เกร็ดญี่ปุ่น ปี 2004

บันไซ!! โบนัสมาแล้ว พอย่างเข้าเดือนธันวาคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในบริษัทต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น หรือเรียกกันว่า "ซารารี่มัง" หรือมนุษย์เงินเดือน ต่างพากันใจจดใจจ่อกับเงินโบนัสที่กำลังจะได้รับกันอย่างถ้วนหน้าในเดือนธันวาคมนี้ แม้แต่โรงเรียน หรือหน่วยงานราชการ ของญี่ปุ่นก็มีการจ่ายเงินโบนัสให้พนักงานด้วยเช่นเดียวกัน ปัจจุบันนี้ฤดูเงินโบนัสจะอยู่ในช่วง กลางปี (มิถุนา - กรกฎา) และ ปลายปี (ธันวา) ถือว่าเป็นเดือนพิเศษของคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าคนญี่ปุ่นจะพากันไปซื้อสินค้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ ๆ กันช่วงนี้ เพราะเงินโบนัสของคนญี่ปุ่นสามารถซื้อของแพง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ หรือบางคนนำเงินนี้ไปเที่ยวต่างประเทศกันเลยที่เดียว ซึ่งเรียกได้ว่าคุ้มกับการทำงานหนักของคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว

Yakitori (ยะคิโทะริ) อาหารญี่ปุ่นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดชนิดหนึ่ง ทำโดยการเสียบเนื้อไก่และผักชิ้นเล็กบนไม้เสียบที่ทำจากไม้ไผ่แล้วย่างด้วยซอสชนิดพิเศษเฉพาะ ยะคิโทะริ-ยะ (ร้านขายยะคิโทะริ) ในเมืองมักเนืองแน่นด้วยพนักงานที่ทำงานกินเงินเดือน หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า "ซาราริมัง" หลังเลิกงานก็จะมานั่งดื่มเบียร์บ้าง เหล้าสาเกบ้าง และมักจะสั่ง Yakitori มาแกล้ม หรือบางบ้านใช้เสิร์ฟตามงานเลี้ยงสังสรรค์ต่าง ๆ ด้วย เนื่องจากทำง่าย ซึ่งส่วนผสมก็หาได้ทั่วไปไม่ว่าจะป็น เนื้อไก่, มิริน, ต้นหอมญี่ปุ่น แล้วนำไปย่างไฟ Yakitori มีหลายแบบ ได้แก่ เนื้อไก่และผัก เช่น พริกหยวก หอมใหญ่ ต้นหอมญี่ปุ่น เห็ดหอมสด ฯลฯ เสียบบนไม้ไผ่แล้วย่าง หรือ ตับไก่เสียบไม้ย่าง ที่เรียกว่า เระบะ - ยะชิ (reba-yaki) ,หัวใจไก่เสียบไม้ย่าง เรียกว่า ฮะทสึ (hatsu) และ ลิ้น เรียกว่า ทัง (tan) ของหมูหรือวัว ซึ่งมีการนำมาปรุงในลักษณะเดียวกันกับไก่ก็เป็นที่นิยมและเรียกว่า ยะคิโทะริ ด้วยเหมือนกัน บางคนชอบทาน Yakitori กับ อิชิมิ (ichimi) หรือพริกป่น หรือ ชิจิมิ (shichimi) คือ เครื่องเทศผสมกัน 7 ชนิด ...

วิธีทำ น้ำราด Yakitori ไม่ยาก คือต้องทำน้ำราด Yakitori ก่อน โดยการนำ มิริน โชยุ และน้ำตาล ต้มในหม้อคนอย่างสม่ำเสมอ ปิดไฟก่อนซอสจะเดือดเล็กน้อย .. หลังจากนั้นนำไก่และผักมาเสียบไม้ ย่างไก่จนมีสีน้ำตาลอ่อน (เกือบไหม้) จุ่มลงในซอส แล้วย่างอีกรอบจนซอสแห้ง ทำซ้ำ 2 ครั้ง ย่างจนไก่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปนเหลือง.. ก่อนรับประทานจุ่มลงในซอสอีกครั้งและเหยาะด้วยผงซันโช.. ข้อมูลจาก หนังสือสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดย สสท.

งานแต่งงานแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น การแต่งงานแบบญี่ปุ่นนั้นเป็นการแต่งตามศาสนาชินโต เจ้าบ่าวจะใส่ชุดกิโมโนและสวม Hakama ฮะคะมะ (กระโปรงกางเกง) กับ Haori ฮะโอะริ (เสื้อคลุมสวมทับกิโมโน) และจะติดสัญลักษณ์ประจำตระกูลของตน ในสมัยก่อนเจ้าสาวจะสวมชุดกิโมโนสีขาว และ Ushikake อุชิคะเคะ สีขาว เพื่อแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ แต่ปัจจุบันนิยมสวม อุชิคะเคะ เป็นสี ๆ กันเนื่องจากสีขาวล้วนทำให้เจ้าสาวดูไม่สดชื่น ดูเหงา เศร้า .. ช่วงเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นเดือนที่นิยมที่จะจัดพิธีแต่งงานกัน ไม่ว่าจะในญี่ปุ่น หรือทั่วโลกเพราะเป็นช่วงเดือนที่ไม่มีฝน และอากาศดี หรืออากาศเริ่มหนาว เหมาะที่จะทำพิธีมงคล ชาวญี่ปุ่นไม่นิยมเลือกวันแต่งงานในช่วงกลางฤดูร้อน หรือวันใกล้สิ้นปีเพราะว่าอาจจะทำให้ผู้ที่มาร่วมงานไม่สะดวกที่จะมาร่วมงานแต่งงาน ส่วนมากจะเลือกจัดงานแต่งงานในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูใบไม้ผลิ และก็จะเลือกวันที่ตรงกับวันมงคลตามปฎิทินญี่ปุ่น
การให้ขวัญงานแต่งงาน โดยมากแล้วผู้ร่วมงานจะให้เป็นเงินสด และของขวัญด้วย การให้เป็นเงินสดต้องเอาใส่ซองที่เรียกว่า Noshi Bukuro โนะชิ บุคุโระ หรือ ซองใส่เงินของขวัญที่ถูกต้องตามหลัก การให้โนะชิ เมื่อมองซองโนะชิให้เจ้าบ่าว เจ้าสาว แล้วกล่าวอวยพร เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากพิธีแต่งงานเสร็จสิ้น และร่วมรับประทานอาหาร เสร็จแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะส่งแขกพร้อมกับมอบกล่องปิ่นโต ซึ่งข้างในอาจจะเป็นขนม หรืออาหาร เพื่อขอบคุณแขกที่มาร่วมแสดงความยินดีกันตน

โฮงะขุ (Hougaku) เป็นคำที่ใช้เรียกดนตรีญี่ปุ่นทั้งหมด หรือดนตรีพื้นเมืองของญี่ปุ่น มีทั้งหมด 5 เสียง และมี 2 กับ 4 จังหวะเท่านั้น แตกต่างกับดนตรีตะวันตกเพราะว่าดนตรีตะวันตก มีทั้งหมด 7 เสียง ดนตรีญี่ปุ่นจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (คลิ๊ก เพื่อฟังเสียงเครื่องดนตรี)

Shamisen ซามิเซง (Shamisen) มี 3 สาย ตรงกลางขึงด้วยหนังแมวหรือหนังสุนัข ได้รับอิทธิพลมาจากเกาะโอกินาวา ทางใต้ของญี่ปุ่น นิยมเล่นกันมากใน สมัยเอโดะ ปัจจุบันเริ่มมีการนำมาผสมผสานกับเพลงสมัยใหม่มากขึ้น
Koto โคะโตะ (Koto) มีทั้งหมด 13 สายมักใช้บรรเลงร่วมกับ ซามิเซง มีลักษณะคล้าย ๆ กับขิมของไทย แต่ว่าต่างกันตรงที่ยาวกว่า และบรรเลงโดยการดีด ไม่ใช่ตีเหมือน ขิม

Biwa บิวะ (Biwa gaku) เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีดเช่นเดียวกัน มีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง

Shakuhachi ชะคุฮะฉิ (Shakuhachi gaku) เป็นขลุ่ยประเภทหนึ่ง มีความยาวประมาณ 50 ซม.
Taiko กลองญี่ปุ่น (Taiko)

ธงชาติญี่ปุ่น มีชื่อเรียกว่า "ธงฮิโนะมะรุ" มีลักษณะเป็นรูปวงกลงสีแดงอยู่กลางพื้นสีขาว ซึ่งวงกลมสีแดงนั้น แทนความหมายของ พระอาทิตย์ ซึ่งมาจากคำว่า "ฮิโนะมะรุ" ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง "ดวงอาทิตย์วงกลม" ไม่เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า สัญลักษณ์พระอาทิตย์วงกลมบนผืนธงได้เริ่มใช้มาแต่เมื่อใด อย่างไรก็ดี ในศตวรรษที่ 12 เหล่านักรบซามูไร (บูชิ) ได้ปรากฏขึ้น และในห้วงเวลาแห่งการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจระหว่างตระกูลมินาโมโตกับตระกูลไทระ นักรบซามูไรมักชมชอบวาดภาพพระอาทิตย์วงกลมบนพัด "กุนเซน" (พัดจีบ) ในยุคแห่งสงครามระหว่างรัฐในศตวรรษ ที่ 15 และ 16 ครั้งเมื่อผู้นำทางทหารแข่งขันเพื่อความมีอิทธิพล นิยมใช้เครื่องหมายฮิโนะมะรุเป็นตราประจำทางทหาร ในภาพวาดบรรยายการรบที่เซกิกะฮะระในปี พ.ศ. 2143 จะเห็นลักษณะโดดเด่นของฮินะมะรุ ปรากฏบนธงต่าง ๆ ของกองทหาร แม้รูปวงกลมสีแดงบนพื้นสีขาวเป็นภาพเจนตามากที่สุด ธงฮิโนะมะรุ กำหนดสัดส่วน ความกว้างและความยาวของธง ในอัตรา 2:3 ให้วงกลมอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางพอดี เส้นผ่าศูนย์กลางของวงกลมเท่ากับสามในห้าของความกว้างของธง ปัจจุบัน มีการประดับธงฮิโนะมะรุและบรรเลงเพลงชาติ "คิมิงะโย" ในงานพิธีในวันหยุดราชการ การฉลองพิธีการในโอกาสสำคัญอันมงคลและในงานพิธีต้อนรับอาคันตุกะของรัฐ นอกจากนี้ ประชาชนชาวญี่ปุ่นจำนวนมากประดับธงฮิโนะมะรุหน้าบ้านในวันหยุดราชการ เพลง "คิมิงะโย" ก็มีการบรรเลงในงานที่มิใช่ทางการ อาทิเช่น รายการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศที่มีทีมญี่ปุ่นเข้าร่วมแข่งขันด้วย ใน การแข่งซูโม่ ซึ่งหลายคนเห็นว่าเป็นกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่นนั้นก็มีการบรรเลงเพลงชาติก่อนพิธีมอบรางวัล ที่มา เว็บสถานฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย

คนญี่ปุ่นอายุยืนจังเลยนะ!! ปัจจุบันนี้มีคนญี่ปุ่นที่มีอายุเกิน 100 ปี มากกว่า 20,000 คน จากข่าวที่เคยได้ติดตามก็เคยมีฝาแฝดชาวญี่ปุ่นที่มีอายุยืนมากคือคุณยาย "คิม" กับ "คิง" ซึ่งคนหนึ่งได้เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 110 ปี ส่วนอีกคนยังมีชีวิตอยู่ เป็นไปได้ว่าการที่คนญี่ปุ่นมีอายุยืนนั้นมาจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำทุกวัน จะสังเกตได้ว่าอาหารประจำวันของคนญี่ปุ่นมักประกอบด้วยปลาทะเลลึก สาหร่าย ซึ่งล้วนแต่มีคุณค่าทางอาหารมากทั้งสิ้น และนอกจากนี้คนญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับการเล่นกีฬามาก เห็นได้จากการส่งเสริมให้เด็ก ๆ เล่นกีฬากันตามชมรมต่าง ๆ ในโรงเรียนตั้งแต่ประถมกันเลยทีเดียว และยังส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งทำให้มีจิตใจมีความสุขส่งผลให้สุขภาพกายสมบูรณ์แข็งแรงไปด้วย นอกจากเรื่องอาหารของคนญี่ปุ่นแล้วสภาพอากาศในประเทศญี่ปุ่นที่มีการกำหนด และคุ้มครองในด้านมลพิษก็มีความเคร่งครัดอย่างมาก แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมก็ตาม .. แต่ว่าการมีประชากรที่อายุยืนมากขึ้นก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะประเทศญี่ปุ่นปัจจุบันกลับประสบปัญหาเรื่อง อัตราการเพิ่มของประชากรเด็กลดต่ำลงอย่างน่าเป็นห่วง และอัตราการแต่งงานก็ลดลงเช่นเดียวกัน คนญี่ปุ่นปัจจุบันนิยมแต่งงานกันช้า หรือไม่แต่งเลยก็มีคะ..

แอนจังสอนวิชาเลข? เกร็ดญี่ปุ่นคราวนี้อาจจะมาแปลกสักหน่อยนะคะ "วิชาเลข" ที่ว่าก็คือ วิธีการคิดเงินตามอัตราค่าเงินนั้นเอง จากเงินเยน เป็นบาท และ บาท เป็น เยน หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าแหม.. เรื่องมด ๆ แต่ว่าคนที่ไม่รู้วิธีคิดแล้วเมลล์มาถามแอนจังก็มีไม่ใช่น้อยนะคะ ... (ค่าเงินขณะนี้คือ 100 บาท เท่ากับ 38 เยน) ปรกติเงินเยนญี่ปุ่นจะต้องมีเลขมากกว่าเงินไทยคือ 100 เยน = 38 บาทไทย เช็คค่าเงินได้ที่นี่คะ

จากเงินเยน >>> เงินบาท
สูตรคือ จำนวนเงินเยน x 0.38
หากต้องการซื้อของราคา 10,000 เยน
คิดเป็นเงินไทยเท่ากับ
10,000 เยน
x 0.38 = 3,800 บาท
เพราะฉะนั้นเงิน
10,000 เยน จะแลกเงินไทยได้ 3,800 บาท

จากเงินบาท >>> เงินเยน
สูตรคือ จำนวนเงินบาท ÷ 0.38
หากต้องการแลกเงิน 10,000 บาท เป็นเงินเยน
ก็จะเท่ากับ
10,000 บาท ÷ 0.38 = ประมาณ 26,315 เยน
เพราะฉะนั้นเงิน
10,000 บาท จะแลกเงินเยนได้ประมาณ 26,315 เยน

แต่สำหรับใครที่ ยัง งง ๆ ก็ลองคลิ๊กเข้าไปในเว็บนี้นะคะ ง่ายสุด ๆ เลยคะ
แค่เลือกสกุลเงินแล้วพิมพ์จำนวนเงินที่ต้องการคิดในช่อง amount คะ

เอ็นเรียว คำว่า "เอ็นเรียว" แปลว่า สงวนท่าที หรือสำรวม หมายถึง ภาวะจิตใจหรือการกระทำซึ่ง ผู้ใดผู้หนึ่งปฎิเสธการเชิญหรือไม่ทำอะไร เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดความไม่สะดวกหรือความเสียใจให้ผู้อื่น เช่น การปฎิเสธการเชิญไปรับประทานอาหารเพราะเกรงว่าผู้เชิญจะเสียเงินและต้องเป็นภาระ อีกตัวอย่างหนึ่งเช่น การงดสูบบุหรี่ (ทาบาโกะ โอะ เอ็นเรียว ซูรุ) ด้วยเกรงว่าผู้อื่นที่อยู่ ณ ที่นี้จะได้รับความรำคาญ ในประเทศญี่ปุ่นนั้นถือกันว่าเป็นมารยาทที่ดีหากมี เอ็นเรียว ในทางกลับกันนั้น หากได้รับการปฎิสเธการเชื้อเชิญโดยเอ็นเรียวแล้ว ถือกันว่าเป็นมารยาทดีของผู้เชิญที่จะคะยั้นคะยอโดยพูดว่า โดโซะ โกะ เอ็นเรียว นะคุ (โปรดอย่าได้เกรงใจ) การพูดเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ทีได้รับเชิญไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเป็นความไม่สะดวกสำหรับผู้เชิญ การประพฤติใด ๆ ที่ตนชอบโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น เรียกว่า "บุเอ็นเรียว" ซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจ จากหนังสือ ประตูสู่ญี่ปุ่น สสท.

เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยคือใครกันน่าาา..?? หลาย ๆ คนชอบประเทศญี่ปุ่นกันมานานแล้ว แต่รู้กันหรือไม่ว่า ท่านทูตฯ ญี่ปุ่น ประจำประเทศไทยของเราคือใคร?? เกร็ดญี่ปุ่นคราวนี้แอนจังอยากจะ แนะนำให้แฟน ๆ ของ Japankiku รู้จักกับท่านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ท่านมีชื่อว่า "อะสึชิ โทะกิโนะยะ" ท่านมาประจำอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2 ปี แล้ว >>อ่านประวัติของท่านได้ที่นี่คะ<< นอกจากนี้หากใครสนใจอยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ก็ลองเข้าไปดูได้จากเว็บไซต์ของสถานทูต นะคะ http://embjp-th.org/ เพราะในนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับทุนต่าง ๆ ที่รัฐบาลญี่ปุ่นมอบให้นักเรียนไทยที่ต้องการไปเรียนที่ญี่ปุ่น และยังมีเรื่องราวของความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่ทางสถานทูตญี่ปุ่นฯ ได้ให้ความช่วยเหลือกับหน่วยงานต่าง ๆ ของไทย หรือเรื่องของวีซ่าประเภทต่าง ๆ อีกด้วยคะ .. นาน ๆ มาอ่านสาระ ความรู้บ้างก็ดีนะจ้ะ จะได้ชื่อว่าเป็น "สาวกญี่ปุ่นตัวจริง" .... และที่สำคัญหากใครมาถามเราว่า "..เธอชอบญี่ปุ่นแล้วรู้มั้ยว่าใครเป็นท่านทูตที่มาประจำในไทย" เราจะได้ตอบได้เต็มปากเต็มคำว่า "ก็ พณฯ ท่าน อะสึชิ โทะกิโนะยะ นะสิจ้ะ.." \\(^_^)//

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศนำเข้าผลิตผลทางการเกษตรมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก เนื่องด้วยมีพื้นที่ที่เหมาะสมแก่การทำเกษตรกรรมเพียงร้อยละ 13.3 เท่านั้น แปลงที่ดินเพื่อการเกษตรโดยเฉลี่ยมีขนาด 1.47 เฮคเตอร์ หรือ 14,700 ตารางเมตร เมื่อเปรียบเทียบแล้วค่อนข้างเล็ก แต่เกษตรกรญี่ปุ่นทำงานหนักเพื่อใช้ที่ดินที่มีจำกัดนั้นให้ได้ประโยชน์สูงสุด ดังนั้น การเกษตรจึงมีประสิทธิภาพที่ดี เกษตรกรญี่ปุ่นใช้รถแทรคเตอร์ รถปิ๊กอัพ รถไถ เครื่องปลูกข้าว และเครื่องเกี่ยวและนวดข้าวเพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ การใช้การเกษตรแบบหนาแน่น ปุ๋ย เครื่องจักรสมัยใหม่ และเทคนิคชั้นสูง ช่วยให้เกษตรกรสามารถผลิตพืชผลได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณผักและผลไม้ที่บริโภคภายในประเทศ และเกษตรกรยังใช้ที่ดินบางส่วนเลี้ยงปศุสัตว์ ทรัพยากรทางการเกษตรของญี่ปุ่นจึงมีคุณประโยชน์อย่างมากสำหรับการโภชนาการของชาวญี่ปุ่น เทคโนโลยีสมัยใหม่ยังช่วยให้การทำการเกษตรแขนงใหม่เป็นจริงได้ด้วย อ่านต่อ>> / ข้อมูลจาก JAT School

จูเก็น ในสมัยโบราณญี่ปุ่นแบ่งช่วงออกเป็น 2 ส่วน จากเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน และจากเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม และประเพณีการฉลองนี้มีซ้ำอีกหนใน 6 เดือนหลัง เหมือนกับที่เคยฉลองแล้วใน 6 เดือนแรกของปี ร่องรอยของประเพณีโบราณนี้หลงเหลืออยู่น้อยมาก แต่ประเพณีการให้ของขวัญแก่ผู้มีพระคุณในฤดูให้ของขวัญ ซึ่งเรียกว่า จูเก็น เช่นกันกับฤดู โอะเซโบะ ในปลายปีนั้นอาจจะเป็นประเพณีที่หลงเหลืออยู่อีกประเพณีหนึ่ง ของขวัญจูเก็น ที่นิยมให้กัน ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม และของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ห้างร้านและห้องสรพสินค้าเตรียมการเป็นพิเศษเพื่อจัดวางจำหน่ายของขวัญและจัดผู้ช่วยขายของชั่วคราว ตามธรรมเนียมเมื่อได้รับของขวัญแล้วต้องมีการให้ของขวัญตอบแทน การคำนวนค่าตอบแทนนี้ยากพอ ๆ กับการตัดสินใจว่าจะให้ทิปสักเท่าไรในยุโรป โดยปกติมักนิยมให้ของตอบแทนเป็นราคาครึ่งหนึ่งของเงินหรือของที่ได้รับในงานศพ แต่ถ้าเป็นงานมงคล งานแต่งงาน ค่าตอบแทนหรือของขวัญต้องราคาเท่ากับของขวัญที่ได้รับ แต่ถ้าจะให้ของกับผู้อวุโส ต้องให้สูงกว่าครึ่งหนึ่งของราคาของที่ได้รับ

เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวงการเพลง เห็นว่ามีประโยชน์มากแอนจังจึงรวบรวมมาให้อ่านกัน
c/w คืออะไร
เวลาซื้อ Single มักจะมีเพลงแถมเขาเรียกว่า c/w ย่อมาจาก coupling with สำหรับบางศิลปิน บ่อยไปที่ c/w เพราะกว่าตัวซิงเกิ้ล หรือบางศิลปินก็เอาเพลงเก่าแล้วเอามาทำใหม่ แล้วเอามารวมใน Single ให้เป็น c/w ก็มี ข้อมูลจาก Pantip
MV และ PV เหมือนกันแต่เรียกต่างกัน mv ย่อมาจาก music video และ pv ย่อมาจาก promotion video ที่ญี่ปุ่นเค้าเรียกว่า pv เพราะว่า mv ของญี่ปุ่นเค้าจะไม่ค่อยเปิดกันบ่อย ๆ เหมือนของไทยหรือต่างประเทศ จะเน้นให้ศิลปินไปร้องสดตามรายการทีวีจึงมักเรียกว่า promotion video คือเป็น video ที่ทำมาเพื่อโปรโมทเพลงนั้น ๆ ข้อมูลจาก Songjapan
clip คือ ภาพโฆษณา Single หรือ อัลบั้ม สั้น ๆ ที่มักจะออกฉายตามรายการทีวีที่ญี่ปุ่น ความยาวไม่เกิน 30 วินาที

teru teru bouzu เทรุ เทรุ โบซึ คือตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ สีขาว ทำด้วยกระดาษทิชชูหรือผ้าขาว เป็นรูปตุ๊กตาที่มีแต่หัวเล็ก ๆ กับตัว ไม่มีผม จมูก ปาก ตา หู หรือแขนขา ตุ๊กตานี้จะถูกนำไปแขวนที่หน้าต่าง หรือชายคาบ้านเพื่อภาวนาขอให้อากาศดี เด็ก ๆ มักจะนำตุ๊กตานี้ไปแขวนเมื่อต้องการให้วันรุ่งขึ้นท้องฟ้าแจ่มใสปลอดโปร่ง พร้อม ๆ กับร้องเพลง เทรุ เทรุ โบซึ ประเพณีนี้ได้รับมาจากประเทศจีนนานมาแล้ว

จัง คุง ซัง ทำไมคนญี่ปุ่นถึงเรียกต่างกันล่ะ
จัง คุง ซัง เป็นคำเรียกตามท้ายชื่อ การใช้แต่ละคำจะแสดงความใกล้ชิด หรือนับถือที่ต่างกัน ควรระวังในการใช้ทั้งสามคำนี้ให้ถูกต้อง
ซัง: เป็นคำที่สุภาพที่สุด ถ้าจะแปลเป็นภาษาไทยก็เหมือนคำว่า คุณ กับผู้ที่ไม่สนิทผู้ใหญ่ก็ควรใช้ ซังไว้ก่อนเพื่อความสุภาพ แต่ถ้าใช้กับเพื่อนพอคบไปนาน ๆ จะหาว่าไม่ให้ความสนิทสนม ตัวอย่าง asaki san = คุณอาซากิ
คุง: ใช้กับคนรู้จักอันนี้จะใกล้ชิดกว่า ในบริษัท หรือโรงเรียน เพื่อนๆ มักจะใช้เรียกกัน เจ้านายก็มักจะเรียกลูกน้องด้วยคำว่าคุง ไม่ว่าลูกน้องจะเป็น ชายหรือหญิงก็ใช้ได้หมด บางทีผู้หญิงก็ถูกเรียกเหมือนกัน เช่นทำงานด้วนกัน ถ้าเรียกซังบางทีเหมือนเกรงใจไป จังก็สนิทไป ก็เลยใช้คุงก็มี ส่วนซังบางครั้งเพื่อนร่วมงานคนใหม่ แม้เขาจะเด็กกว่าเราแต่เพิ่งรู้จักการใช้ ซังก็เป็นการเริ่มวางตัวสุภาพไว้ก่อนค่ะ
จัง : อันนี้จะสนิทมาก หรือแสดงความสนิทสนมเป็นกันเอง เช่น แอนจัง เรียกตัวเองเพื่อแสดงความสนิทสนมกันแฟน ๆ เว็บเจแปนคิขุ หรือคุยกับคนที่เป็นเด็กกว่า เช่นเพื่อนสนิทในโรงเรียน แต่เพื่อนผู้ชายก็มักจะใช้คุงมากกว่า แต่เพื่อนผู้ชายบางคนก็ใช้จังได้เหมือนกัน (ต้องสนิทหน่อยนะ) กับเด็ก ๆ ก็มักใช้คำนี้ แม่ก็มักจะเรียกลูกลงท้ายว่าจัง ไม่ว่าจะโตแค่ไหน เด็กผู้ชายที่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ก็จะถูกเรียกว่าจัง ชินจัง เป็นต้น
ข้อมูลจาก Kiku Tuter Board

Hanami เทศกาลชมดอกไม้ ซากุระถือเป็น "ดอกไม้ประจำชาติ" ของญี่ปุ่น และเป็นดอกไม้ที่เป็นที่ชื่นชอบที่สุดในญี่ปุ่นมาแต่โบราณ ซากุระถูกกล่าวถึงในวรรณกรรมจำนวนมากมาย และลายดอกซากุระเป็นลายที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับแทบทุกอย่างในชีวิตความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่น ดังสุภาษิตที่ว่า ฮานะโยริ ดังโงะ "Hana yori dango" (กินขนมดีกว่าชมดอกไม้) ผู้คนสนุกสนานกับการดื่มกินสังสรรค์ใต้ต้นซากุระ และมีความสุขในเทศกาล โอฮานามิ
ซากุระเซนเซน หลังจากที่ได้มีการสำรวจต้นซากุระตามที่ต่าง ๆ 120 แห่งทั่วญี่ปุ่นแล้ว กรมอุตุนิยมวิทยาก็จะพยากรณ์และประกาศอย่างเป็นทางการถึงกำหนดที่ซากุระจะบาน เส้นที่ลากเชื่อมจุดที่พยากรณ์ว่าซากุระจะบานในวันเดียวกัน เราเรียกว่า "ซากุระเซนเซน" Sakura Zensen แม้ชีวิตของคนญี่ปุ่นทุกวันนี้จะสับสนวุ่นวาย แต่เมื่อถึงช่วงนี้ของทุกปี ผุ้คนก็ยังคงกล่าวขวัญถึงซากุระและพากันไปชมดอกซากุระ
ข้อมูลจาก หนังสือ 12 เดือนในญี่ปุ่น สำนักพิมพ์ภาษาและวัฒนธรรม

ซามุไร เป็นชื่อที่คนทั่วไปเรียก แต่สำหรับพวกเขาแล้วจะไม่เรียกตัวเองว่า ซามุไร แต่จะเรียกว่า bushi คำว่าbushi หมายถึงคนที่มีความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้แล้วก็มีความรอบรู้ในเรื่องต่างๆเป็นอย่างดี ถ้าพูดง่ายๆก็คือเก่งทั้งบุ๋นและบู้ นักรบจะไม่ถือว่าเป็นbushi คือพวกที่เก่งแต่เรื่องการต่อสู้อย่างเดียวจะไม่ค่อยมีใครนับถือ พวกที่ฉลาด หัวดีอย่างเดียวต่อสู้ไม่เป็นก็ไม่ค่อยมีใครนับถือเช่นกัน ยุคที่มีซามุไรคือช่วงต้นศตวรรษที่ 17 จนถึงประมาณกลางศตวรรษที่ 19 ในช่วง 250 ปีของยุคนั้นเป็นยุคที่มีแต่ความสงบไม่มีสงคราม ในช่วงนั้น ซามุไรจะทำงานเกี่ยวกับเรื่องการเมืองการปกครอง ถ้าสมัยนี้ก็ประมาณข้าราชการประจำในกรม กระทรวงต่างๆนั่นเอง แค่นี้ก็พอจะเดาได้ว่าความรู้ในด้านต่างๆเป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกันในสมัยนั้น ส่วนศิลปะการต่อสู้ก็เปรียบเสมือนกับกีฬาในสมัยนี้นั่นเอง เนื่องจากว่างานของซามุไรเป็นงานคล้ายๆงานของข้าราชการ ดังนั้นแน่นอนบางคนก็ตกงานไม่มีงานทำ ซามุไรที่ตกงานก็หางานอื่นทำอย่างเช่นเป็นอาจารย์สอนเรื่องศิลปะการต่อสู้บ้าง เป็นครูสอนหนังสือตามโรงเรียนต่างๆบ้าง ส่วนซามุไรที่ไม่เก่งอะไรซักอย่างพวกนี้จะใช้ชีวิตที่ค่อนข้างลําบากงานที่ทําก็เป็นงานในครัวเรือนเล็กๆน้อยๆ พอเลี้ยงครอบครัวได้ ดังนั้น เพื่อความสําเร็จในอนาคตและเพื่อการดํารงชีวิตที่ดี ตั้งแต่เด็กๆ ซามุไรแต่ละคนจะมีความพยายามเป็นอย่างมากทั้งการฝึกศิลปะการต่อสู้และการศึกษา ในสมัยนั้นกลุ่มคนที่เป็น bushi หรือ ซามุไรจะเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถมาก ศิลปินหรือนักเขียนในยุคนั้นจำนวนมากก็ถือกำเนิดมาจากซามุไร อ่านต่อ>> | ข้อมูลจาก Hokutoda Web

การออกกำลังกาย อิจิ-นิ-ซัง-ชิ หรือ หนึ่ง สอง สาม สี่ ตัวเลขทั้งหมดนี้เป็นถ้อยคำที่ได้ยินบ่อยที่สุดในเวลาเช้าประมาณ 06.30 น. ยิ่งถ้าเดินอยู่ในสวนสาธารณะในโตเกียวหรือที่ใดก็ได้ในญี่ปุ่น จะได้ยินเสียง หนึ่ง สอง สาม สี่ ชัดเจนที่สุด หากเข้าไปดูใกล้ ๆ จะพบผู้คนจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุกำลังออกเอ็กเซอร์ไซส์ไปพร้อม ๆ กัน เสียงที่ได้ยินดังออกจากวิทยุเล็ก ๆ คนที่อยู่ญี่ปุ่นนาน ๆ จะพบแต่การออกกำลังกายแบบนี้ทุกหนทุกแห่งในตอนเช้าตรู่ การออกกำลังกายทำกันมานานแล้ว บางคนบอกว่านานพอ ๆ กับการกระจายเสียงทางวิทยุทีเดียว ไม่ว่าอากาศจะหนาวเย็นเพียงใด หรืออยู่ฤดูใดก็ตาม จนบางทีก็ดูมืดครึ้มและเย็นยะเยือก แต่เสียง หนึ่ง สอง สาม สี่ ยังคงได้ยินอยู่เสมอ ถามคนญี่ปุ่นดูก็บอกว่า ทำเป็นกลุ่มสนุกกว่า ถ้าทำคนเดียวในบ้านก็ดูเหงา ๆ ชอบกล ส่วนใหญ่เมื่อออกไปนอกบ้าน สามารถหาเพื่อนได้เพิ่มขึ้น วันใดก็ตามที่เป็นวันหยุดก็มีการจัดเครื่องดื่มให้ด้วย บางทีมีกิจกรรมรวมหมู่ด้านสังคมอื่น ๆ แต่การสาธิตการออกกำลังกายทางโทรทัศน์ โดยบอกให้ผู้ชม เอียงตัว ก้น เขย่า บิด หมุนตัว นั้น คนญี่ปุ่นไม่ชอบ แต่เสียงจากวิทยุที่เปล่งออกมาเหมือนเสียงนายทหารนอกรายการฟังดูคึกคักกว่า ทุกครั้งที่ได้ยินประกาศเมื่อเวลา 06.30 น. ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถทนนอนเฉยเดียวดายบนเตียงต่อไปได้อีก .... แล้ววันนี้ออกกำลังกายกันรึยังล่ะ..

แผนที่ ผมทราบมาว่า ในเอเชียประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใครมาก่อน แล้วก็เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนภูมิใจ เป็นจริงอย่างไรเอาไว้อีกเรื่อง แต่สําหรับผมแล้วที่ว่า ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครน่ะจริงหรือ... คือมีอะไรบางอย่างที่ทําให้ผมรู้สึกว่าประเทศไทยเคยตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ เหมือนกับประเทศแถว ๆ แอฟริกา สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นก็คือ แผนที่โลก ประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ไม่ว่าประเทศไหนในโลกจะทำแผนที่โลกของตนเองขึ้นมา แผนที่นั้นจะมีประเทศของตนเองอยู่ตรงกลางเสมอ ถ้าเป็นประเทศในยุโรปก็จะมีทวีปยุโรปอยู่ตรงกลาง ทางซ้ายมือก็จะเป็นทวีปอเมริกา ทางขวาก็จะเป็นทวีปเอเซีย แล้วก็มีมหาสมุทรแปซิฟิกถูกตัดเป็นขอบ ในแผนที่ของประเทศทางยุโรป ประเทศญี่ปุ่นจะอยู่เกือบตกขอบ เหมือนเป็นรอยเปื้อนเล็กๆ บนเสื้อผ้าอย่างงั้นแหละ เห็นแล้วรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก ตรงกันข้ามถ้าเป็นแผนที่ของประเทศจีน ญี่ปุ่นหรือเกาหลี ยุโรปจะหลบอยู่ตรงขอบๆ ด้านซ้ายมือเหมือนจะเกรงใจไม่กล้ามาอยู่กลางๆ อเมริกาก็จะอยู่ขอบทางขวา ตรงกลางก็จะเป็นมหาสมุทรแปซิฟิก เห็นแบบเด่น ๆ เลยทีเดียว สำหรับแผนที่ของอเมริกาจะเหมือนกับแผนที่ของประเทศทางยุโรป อันนี้ก็อย่างที่ทุกคนทราบ เป็นเพราะว่าอเมริกาเคยเป็นอาณานิคมของยุโรปมาก่อนนั่นเอง อ่านต่อ>> | ข้อมูลจาก hokutoda

Yakitori อาหารราคาย่อมเยาและเป็นที่นิยมมีชื่อว่า ยากิโทริทำโดยการเอาเนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เสียบไม้ที่ทำจากไม้ไผ่แล้วจุ่มลงในซอสซึ่งทำจากถั่วเหลือง มิริน น้ำตาล และส่วนผสมอื่น ๆ จากนั้นจึงนำขึ้นย่างบนเตาถ่าน การปรุงอาหารวิธีเดียวกันนี้ยังใช้ได้กับทั้งเนื้อหมู ตับหมูและไก่ ซึ่งก็เรียกกันว่า ยากิโทริ อาหารชนิดนี้เป็นอาหารว่างที่เป็นที่นำยมทานกับเหล้าโชจู เหล้าสาเก และเครื่องดื่มอื่น ๆ ผู้คนจำนวนมากไปที่ยากิโทรริยะ (ร้านขายยากิโทริ) ในตอนเย็นเพื่อดื่มเหล้ารับประทานอาหารและสังสรรค์กัน โดยเหตุที่กิโทริ ประกอบด้วยเนื้อ ผัก เสียบไม้ปิ้ง จึงไปเกี่ยวข้องกับ ชิช เกบาบ ของตะวันออกใกล้หรือเอเซียน้อย นายพรานในสมัยเอโดะอาจจะประกอบอาหารประเภทเนื้อ โดยใช้ปิ้งบนเตาไฟขณะที่อยู่กันในป่า และดูเหมือนว่าวิธีดังกล่าวในญี่ปุ่นจึงพัฒนามาใช้เป็นวิธีรับประทานเนื้อไก่ลักษณะยากิโทริ

การขอใบขับขี่รถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บอกได้เลยว่าเป็นงานหนัก ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นเองหรือคนต่างชาติ กว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น ถ้าใครอยากขับรถในประเทศญี่ปุ่น แนะนําให้ทําใบขับขี่รถสากลไปด้วยจะดีมาก แต่ถ้าคิดอยากจะลองดีกับกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นล่ะก็ ลองอ่านต่อไป...

แน่นอนก่อนที่จะได้ใบขับขี่รถยนต์ ต้องขับรถให้เป็นก่อน จะขับเป็นหรือไม่เป็นต้องมีคนรับรอง แล้วต้องเป็นการรับรองที่เป็นมาตรฐาน ไม่ใช่หัดขับเองแล้วไปสอบ ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทําคือ ไปสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถ ตอนสมัครต้องเตรียมเงินค่าเล่าเรียนไปเยอะๆ เพราะว่ากว่าจะจบคอร์ส(ใช้เวลาหลายสัปดาห์) ก็คงใช้เงินเกือบแสนบาท ที่โรงเรียนสอนขับรถก็จะมีสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ แต่ตอนสอบมีแค่สอบภาคปฏิบัติเท่านั้น ถ้าผ่านก็เอาใบรับรองที่ออกให้จากทางโรงเรียนไปยื่นสมัครสอบข้อเขียนที่ศูนย์สอบ การสอบต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือเกี่ยวกับกฎจราจรให้มากๆ คะแนนต้องมากกว่า 90% ถึงจะผ่าน ถ้าไม่ผ่านก็สอบอีกไปเรื่อยจนกว่าจะผ่าน แต่ส่วนมากครั้งเดียวก็ผ่าน อ่านต่อ >> | ข้อมูลจาก Hokutoda

คนญี่ปุ่นทำอะไรวันคริสมาสตร์และปีใหม่ ในเดือนธันวาคมเป็นเรื่องธรรมดาที่หลาย ๆ แห่งทั่วญี่ปุ่น มีการบรรเลงซิมโฟนี หมายเลข 9 ของเบโธเฟน หรือที่เรียกว่า ซิมโฟนีประสานเสียง การบรรเลงซิมโฟนีนี้เกิดขึ้นประมาณราว 2-3 ทศวรรษมาแล้วเช่นเดียวกับการฉลองเทศกาลคริสต์มาส ที่ญี่ปุ่นก็ฉลองคริสต์มาสในคืนวันที่ 24 ธันวาคม จะมีการกินบะหมี่โทชิโคชิ โซบะ ส่วนหนุ่มสาวแดนปลาดิบก็มักจะเลือกคืนคริสต์มาสอีฟนี้ในการไปเดทกัน และอาจถึงขั้นพากันเข้าโรงแรมกันเลยทีเดียว ว่ากันว่าในคืนวันที่ 24 ธันวาของทุกปี เลฟโฮเทล จะมีสถิติการจองมากที่สุดในวันนี้ ส่วนในวันที่ 31 ธันวา คนญี่ปุ่นในหลาย ๆ ท้องที่ยังคงยึดถือเป็นธรรมเนียม ประเพณีเก่า ๆ ที่ยังคงเหลืออยู่วัดทุกแห่งยังมีการตีระฆัง 108 ครั้ง ตอนเที่ยวคืนของวันที่ 31 ธันวา ประเพณีการกินบะหมี่โซะในวันสุดท้ายของปีก็ยังคงยึดถือปฎิบัติกันอยู่ คนญี่ปุ่นก็จะอยู่บ้านดูทีวีช่อง NHK ที่มีรายการประกวดร้องเพลงฝ่ายสีแดงและฝ่ายสีขาว (Kouhaku Uta Gassen) ที่คนญี่ปุ่นถือเป็นธรรมเนียมปฎิบัติกันทุกปีในคืนสุดท้ายของปี แต่ก็มีคนญี่ปุ่นอีกไม่น้อยที่นิยมไปเที่ยวต่างประเทศกันในช่วงเทศกาลปีใหม่ เที่ยวบินระหว่างประเทศมีการจองอย่างคับคั่ง สำหรับคนที่ยังอยู่ในประเทศญี่ปุ่นก็จะไปเล่นสกี หรือไม่ก็ไปเที่ยวที่อื่น คนที่ยังอยู่ในตัวเมืองก็จะไปฉลองปีใหม่ที่โรงแรมต่าง ๆ

หากจะนำบทความจากหน้านี้ไปใช้กรุณาขึ้นเครดิตให้ japankiku.com และ link กลับมาด้วย
banner ของ Japankiku อยู่ที่นี่>>

 


Japan NOW!!

Thailand NOW!

J Word
2006 2005 2004
2003 2002 2001
เกร็ดญี่ปุ่น
2006 2005 2004
2003 2002
2001
KIKU Tour
วัฒนธรรมการแยกขยะเมืองญี่ปุ่น
รู้จักเทศกาล Hinamatsuri รึยังเอ่ย?
ใครว่าอยู่เมืองนอก (ญี่ปุ่น) สบาย 1
ใครว่าอยู่เมืองนอก (ญี่ปุ่น) สบาย 2
คริสต์มาสและปีใหม่ในญี่ปุ่น
จำนวนคนญี่ปุ่นที่อาศัยในไทย
Japankiku IN JAPAN!!
Yakuza คือใครกันแน่!!!
เครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นๆ
สิงหาคมเดือนแห่งความโหดร้าย
คนญี่ปุ่นเลี้ยงลูกกันอย่างไร
Tokyo Tower
มารู้จักซากุระกันเถอะ!!
ใครว่าอยู่เมืองนอก (ญี่ปุ่น) สบาย
47 จังหวัดของญี่ปุ่น
รู้จักราชวงศ์ญี่ปุ่น
ฤดูต่าง ๆ ในญี่ปุ่น
วันสำคัญ วันหยุดราชการ

Japan Study Link

เรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟร
JAT School
Mainichi
J Education
Kiku Tuter Board
Hokutoda
Tsn Life
Kidsweb
Japan Introduction
Megumi web

ข้อมูลท่องเที่ยว

Infomapjapan good
Japan-guide
good
Jnto.go.jp
Jalan

Japan Pictionary

แนะนำ Tokyo
รายละเอียดเกี่ยวกับ Visa
Japangaido
Web-japan
Japan-adventures

เส้นทางรถไฟ ตั๋วรถ

japanrailpass good
Westjr.co.jp

ซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูก

เช็คราคาตั๋วเครื่องบิน
kmt.co.th
tv-air.co.th
เดินทางไปสนามบินนาริตะ

จองโรงแรมแบบญี่ปุ่น

Jpinn
Japanese guesthouses
Travel.rakuten
เดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น