เกร็ดญี่ปุ่น ปี 2003

เดือนธันวาคมเป็นเดือนสุดท้ายของปี แต่เดิมเคยเป็นเวลาที่มีงานยุ่งมาก ทุกคนต้องพยายามจัดการบัญชีให้ลงตัว ทำความสะอาดบ้านเพื่อที่จะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความสดชื่น และแม้แต่ในปัจจุบันทุกคนก็ยังคงมีงานยุ่งในช่วงเดือนนี้อยู่เช่นเดิม ทั้งเรื่องเงินโบนัสที่ได้รับ แรื่องการแลกเปลี่ยนของขวัญ การไปงานเลี้ยงและงานอื่น ๆ ที่จัดเพื่อฉลองการสิ้นสุดแห่งปี บริษัท หน่วยงานทั่วประเทศต่างจัดงานในเดือนธันวาคมเพื่อเป็นการฉลองการสิ้นปีเก่า ตามแหล่งน้ำพุร้อน สถานที่ตากอากาศ ภัตตาคารญี่ปุ่น ตลอดจนภัตตาคารแบบตะวันตก และสถานที่จัดงานเลี้ยงคับคั่งไปด้วยผู้คนที่ไปเลี้ยงฉลอง ในช่วงนี้ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่าง ๆ จ้างพนักงานเพิ่มเพื่อบริการการจำหน่ายและจัดส่งของขวัญให้ลูกค้า ทุกคนดูวุ่นวายอยู่กับการเขียนจดหมายและส่งบัตรอวยพรปีใหม่ถึงเพื่อน ญาติพี่น้องและผู้คุ้นเคย

cha [ocha] หรือชา ของญี่ปุ่น ที่รู้จักกันดีว่า "ชาเขียว"เป็นเครื่องดื่มที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันมานานนมตั้งแต่สมัยโบราณ คนที่ชนชั้นในญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นคนจน พ่อค้า ซามูไร หรือจักรพรรดิ์ ล้วนแล้วแต่มีโอกาสได้ดื่มชาเขียวกันทั้งนั้น ในสมัยโบราณชาเขียวนิยมปลูกกันมากและผ่านกรรมวิธีการอบใบชาด้วยภูมิปัญญาของชาวบ้าน จนกระทั่งปัจจุบันชาเขียวของญี่ปุ่นนับว่าเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญและนับว่ามีคุณภาพมากตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ของใบชาที่จะนำมาปลูก การดูแลรักษาใบชา อบใบชาด้วยไอน้ำเพื่อคงสีเขียวของใบชาไว้ หลังจากบรรจงปลูกและดูแลชาเขียวอย่างเอาใจใส่ของคนญี่ปุ่นแล้ว การจะดื่มชาเขียวแต่ละทีคนญี่ปุ่นยังต้องมีพิธีชงชาซึ่งพิธีชงชานี้เป็นที่รู้จักกันดีและถือว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณเลยทีเดียว ปัจจุบันชาเขียวยังได้มีการนำมาผสมกับเครื่องสำอางค์ อาหาร ขนม และอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งผลิตภัฒน์ทุกอย่างที่มีส่วนผสมของชาเขียวก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ยุคนี้ในเมืองไทยเองก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นยุคของ "ชาเขียวฟีเวอร์" กันเลยก็ว่าได้ เพราะดูจากโฆษณาทางทีวีสินค้าอุปโภคแทบทุกชนิดต้องมีส่วนผสมของชาเขียวทั้งนั้น..แล้ววันนี้คุณดื่มชาเขียวแล้วรึยัง

Hachimaki (ฮาจิมาคิ) คือผ้าที่เป็นแถบยาวใช้คาดศีรษะ และผูกปลายไว้ด้านหลังในสมัยก่อนฮาชิมากิมีความหมายในทางศาสนาและใช้ในศาสนพิธี แต่ต่อมาใช้กันมากขึ้นโดยพวกคนงานเพื่อคาดศีรษะกันเหงื่อโดยพวกคนงาน หรือพวกนักเรียนใช้คาดศีรษะเวลาต้องการใช้สมาธิดูหนังสือเพื่อเตรียมสอบ หรือในการทำสิ่งใดที่ต้องการใช้ความคิดมาก ๆ ฮาจิมาคิเป็นที่รู้จักกันมากในสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของอาทิตย์อุทัยในหมู่ทหารแนวหน้า "ฮิโนะมารุ ฮาจิมาคิ" เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เมื่อนักเขียนที่ชื่อ มิชิมายูคิโอะ ใช้คาดศีรษะเมื่อฆ่าตัวตายโดยการ เซปปุคุ (ฮาราคีรี)
คนส่วนมากยังคาด ฮาจิมาคิ เพื่อกระตุ้นตนเองในการทำงานที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก โดยปกติพวกเขาใช้ เทะนะงุอิ หรือผ้าเช็ดมือ นักกีฬาญี่ปุ่นโยชิโอกะทาคาโนริ ทำให้ตนเป็นจุดดึงดูดความสนใจ เมื่อเขาสวมที่คาดฮาจิมาคิที่ศีรษะในการวิ่งแข่ง 100 เมตร ปัจจุบันนี้นักกีฬาทั่วโลกสวมที่คาดศีรษะชนิดนี้กันทั้งนั้น ดูรูป Hachimaki >>

Tanuki หรือ แรคคูณญี่ปุ่น หลาย ๆ คนคงเคยเห็นหรือเคยได้ยินตำนานลึกลับเกี่ยวกับตัว Tanuki ที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ โดยการนำใบไม้วางไว้บนหัวและท่องคาถาแปลงกาย ตัวอ้วนกลม ชอบพากันร้องเพลงเต้นรำ และตีพุงกลม ๆ ของมันในงานเทศกาลรำวง กล่าวกันว่าพวกตัว Tanuki ชอบมาปรากฎตัวในคืนวันเพ็ญในฤดูเก็บเกี่ยวที่สนามของวัดในคิสะระซุ จังหวัดชิบะ ที่ญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าตัว Tanuki เป็นสัตว์ที่เจ้าเล่ห์ ชอบแปลงกายเป็นคน ขี้โกง ชอบมาขโมยพืชพรรณของชาวบ้าน หากคนไทย การถูกด่าเปรียบกับ "สุนัข [inu]" ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด เช่น ปาก (หมา) , หรืออื่น ๆ ที่เปรียบเป็น สุนัขก็คงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ส่วนฝรั่งหรือคนที่มาจากฝั่งตะวันตกกลับไม่ชอบให้ เปรียบเป็น "หมู [buta] " เพราะฝรั่งถือว่าหมูเป็นสัตว์ที่สกปรกและเอาแต่กินกับนอน แต่สำหรับคนญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกันเคยถามเพื่อนคนญี่ปุ่นว่าไม่อยากถูกเปรียบเป็นสัตว์อะไรมากที่สุด ส่วนใหญ่จะตอบว่า "Tanuki" เพราะว่าตัว Tanuki นั้นทั้งเจ้าเล่ห์หน้าตาไม่น่ารัก แถมยังขี้โกงอีกด้วย แต่ถ้าว่าคนญี่ปุ่นเป็น "สุนัข [inu]" พวกเข้ากลับคิดว่า "สุนัข [inu]" นั้นแสนจะน่ารัก แต่ถ้าว่าคนญี่ปุ่นว่าเป็นตัว Tanuki คนญี่ปุ่นก็จะแสดงอาการไม่พอใจให้เห็นกันเลยทีเดียว

Kappa ตัวคับปะเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอาศัยอยู่ในน้ำสะอาดตามแม่น้ำ บ่อน้ำ และบึงน้ำ สูงประมาณ 1 เมตร รูปร่างเหมือนกับเด็กอายุ 4-5 ขวบ ตากลม ปากแหลม มือและเท้าเป็นพังผืด ผิวหนังเป็นเกล็ด สีแดง หรือเขียวเข้ม บนหัวมีผมน้อยและมีจานวางซ่อนอยู่ ว่ากันว่าตัวคับปะจะมีเรี่ยวแรงอยู่ได้ตราบใดที่ยังมีน้ำอยู่ในจานนั้น ชอบซูโม่ และมักจะออกมาท้าผู้คนให้เล่นมวยปล้ำเสมอ นอกจากนี้ยังออกมาจับผู้คน วัว และม้าลงไปในน้ำแล้วดึงเอาตับออกมาจากท้อง ถึงแม้ว่าคับปะจะทำความเสียหายให้แก่มนุษย์ แต่ก็มีเรื่องเล่าว่าเมื่อถูกมนุษย์จับตัวได้ คับปะจะเขียนจดหมายสารภาพความผิด ให้ยาตำราโบราณ ช่วยงานในไร่นา หรือช่วยชักน้ำเข้ามาในที่นา นอกจากนี้ยังมีการตูนเรื่องคับปะอีกด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะคับปะมีทั้งส่วนที่น่ารังเกียจและส่วนที่น่ารักอยู่ในตัว ตำนาน กับปะ ว่ากันว่าปีศาจกำเนิดมาจากเทพเจ้าที่ตกลงมา คับปะเองก็กลายร่างมาจากเทพเจ้าที่อาศัยอยู่ใต้บาดาล ในปัจจุบันนี้ไม่สำคัญว่าจะเป็นเทพเจ้าหรือปีศาจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความคิดของคน หากมีความนับถือก็เรียกเป็นเทพเจ้า หากไม่นับถือก็เรียกเป็นปีศาจ มีตำนานเกี่ยวกับคบปะทั่วประเทศญี่ปุ่น ยกเว้นที่ ฮอกไกโด แต่ในแต่ละท้องถิ่นคับปะอาจจะมีรูปร่างและนำสัยต่างกัน ในบางครั้งก็มีชื่อเรียกที่ต่างออกไป เช่น "คะวะทะโร" และ "กะทะโร" ในร้านซูชิจะเรียกแตงกวาว่า "คับปะ" เนื่องจากเป็นอาหารโปรดของกับปะ เล่ากันว่าถ้ากินแตงกวาในขณะที่เดินข้ามแม่น้ำ จะถูกคับปะฉุดลงไปในน้ำได้

aisaibento "ข้าวกล่องแห่งความรัก" หลายคนคงเคยอ่านการ์ตูน หรือดูละครญี่ปุ่นที่ฝ่ายหญิงมักจะชอบทำข้าวกล่องให้ฝ่ายชาย โดยผู้หญิงจะตื่นแต่เช้ามาทำเพื่อให้คนที่ตัวเองชอบได้เก็บไว้ทานในมื้อกลางวัน ข้าวกล่องนี้เป็นที่นิยมของคู่รักทั้งนักเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่พนักงานบริษัทเอง โดยหน้าตาของข้าวกล่องก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนทำอาหารสุดฝีมือ ข้าวกล่องนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะคู่รักกันเท่านั้นที่ทำให้ แต่ว่าผู้หญิงญี่ปุ่นที่แต่งงานแล้วก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำข้าวกล่องให้สามี และลูก ๆ นำไปทานที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน โดยจะมีการตกแต่งให้สวยงามเช่นกัน ที่ญี่ปุ่นการให้ข้าวกล่อง หรือห่อข้าวไปกินในตอนกลางวันถือเป็นเรื่องธรรมดาเพราะว่าหาไปซื้อทานข้างนอกราคาจะค่อนข้างแพง หากทานอาหารกลางวันข้างนอกทุกวัน ก็จะเสียเงินในแต่ละเดือนไม่ใช่น้อย แต่บางบริษัทก็จะมีคูปองให้พนักงานนำไปแลกอาหารกลางวันทานได้ จะว่าไปแล้วผู้ชายญี่ปุ่นก็น่าอิจฉาจังเลยนะ.. ส่วนในไทยหากใครเอาข้าวกล่องไปกินที่โรงเรียน หรือที่มหาวิทยาลัย หรือที่ทำงาน ก็จะถือว่าแปลกมากเพราะในไทยมีแต่เด็กอนุบาลและประถมเท่านั้นที่เอาข้าวกล่องไปทานที่โรงเรียน.....

เดือนสิงหาเป็นเดือนที่มีท้องฟ้าแจ่มใส 15 ส.ค .03 ปลอดโปร่งไปทั่วญี่ปุ่น แต่ก็จะมีอากาศร้อนที่สุดในรอบปีเช่นกัน แต่ร้อนของญี่ปุ่นก็ไม่เท่ากับบ้านเรานะ ถ้าไปญี่ปุ่นช่วงนี้คนไทยก็ถือว่าอากาศกำลังดีคะ เดือนนี้คือเดือนโอบ้ง จะมีระหว่างวันที่ 13-15 สิงหา โดยจะมีการละเล่น "รำวงบงโอโดริและจุดดอกไม้ไฟ" โดยเทศกาลโอบ้งนี้ที่เกียวโตจัดยิ่งใหญ่ทุกปี และในเดือนสิงหานี้ทั้งเดือนก็เป็นเดือนที่ชาวญี่ปุ่นจะระลึกถึงวันที่ญี่ปุ่นถูกระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา และนางาซะกิ เริ่มกันตั้งแต่วันที่ 6 สิงหา เรียกว่า "Hiroshima genbaku kinenbi" เป็นวันรำลึกถึงการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา , วันที่ 9 สิงหา เรียกว่า "Nagasaki genbaku kinenbi" เป็นวันรำลึกถึงการทิ้งระเบิดปรมาณูที่นางาซากิ, และวันที่ 15 สิงหา เรียกว่า "Shusen Kinenbi" เป็นวันรำลึกถึงการสิ้นสุดสงคราม หรือเป็นวันที่ญี่ปุ่นประกาศแพ้สงครามนั่นเอง ในวันที่ 15 สิงหาก็จะมีการจัดพิธีสวดมนต์อธิษฐานเพื่อสันติภาพของโลก ในประเทศไทยก็มีการจัดพิธีนี้ตามท้องที่ต่าง ๆ ที่มีชาวญี่ปุ่นอยู่เช่นกัน อย่างที่เชียงใหม่ก็มีพิธีนี้ในวันที่ 15 ที่ผ่านมาคะ

ร้านตัดผม กับร้านเสริมสวยในญี่ปุ่น 1 ส.ค .03 ในญี่ปุ่นการเข้าร้านเสริมสวย หรือร้านตัดผมครั้งหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างบ้านเรา เพราะว่าที่นั่นราคาแสนจะแพง แถมยังต้องจองคิวก่อนด้วย อาจจะโทรมาจองไว้ก่อนเพราะไม่หยั่งงั้นคงต้องรอกันนานมาก ร้านเสริมสวยปกติที่ญี่ปุ่นจะหยุดวันอังคาร ส่วนร้านตัดผมชายก็จะหยุดกันในวันจันทร์ ถ้าในโตเกียวถ้าตัด สระ โกนหนวด และไดร์ผมราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3500 -5000 เยน ส่วนร้านใหญ่ ๆ ที่มีบริการเสริมต่าง ๆ เช่น ดัดผม ซอยผม เซ็ทผม ทำสีผม ก็แล้วแต่ว่าร้านไหนจะตั้งราคาเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นต้องขอดู หรือถามราคาก่อนจะดีที่สุด ร้านเสิรมสวยบางแห่งจะคิดตามความยามของเส้นผมด้วย ที่ร้านหรู ๆ บางแห่งเฉพาะตัดและไดร์ผมก็ตก 5000 เยนไปแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา ราคาคร่าว ๆ มีดังนี้ ถ้าดัดผม 7500 เยน ตัดซอยและไดร์ 3800 เยน ตัดตรง ๆ ความยาว เล็กน้อย 1500 เยน ความยาวปานกลาง 2000 เยน ความยาวมาก 2500 เยน ระยะเวลาในการตัดผมหากไม่รวมเวลาที่ต้องรอ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ในการตัดผม สระผม โกนหนวด และไดร์ผม

ได้เวลาส่งจดหมายกันแล้วนะ!! 10 ก.ค .03 "Shoshumimai moshiagemasu (โฉะชูมิไม โมชิอาเงมาซุ)" "ในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวทุกวันแบบนี้คุณสบายดีหรือเปล่า" คือสูตรสำเร็จของคำทักทายที่ใช้เขียนในการ์ดส่งไปเพื่อไต่ถามทุกข์สุขในฤดูร้อน ซึ่งมักจะส่งก่อนถึงช่วง ริชชู "Risshuu" วันแห่งฤดูใบไม้ร่วง คือประมาณวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งปฎิทินจันทรคติเรียกว่าเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง ส่วนการส่งการ์ดหลังช่วงริชชู จะใช้คำว่า "ซังโฉะ [Zansho]" แทนคำ โฉะชู [shochu] ซึ่งหมายถึงปลายฤดูร้อนที่อากาศยังคงร้อนอยู่ ต้นเดือนมิถุนายน ที่ทำการไปรษณีย์จะเริ่มขายไปรษณียบัตรชุดพิเศษสำหรับส่งในกลางฤดูร้อนหรือที่เรียกกันเล่น ๆ ว่า คาโมะเมล์ (Kamo Mail] ซึ่งเป็นคำผสมระหว่าง คาโมเมะ (นกนางนวล) กับ เมล์ (ไปรษณีย์) บางครั้งมีการเล่นคำพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า "Come On Mail" ซึ่งไปรษณียบัตรนี้จะมีหมายเลขชิงรางวัลและมักจะมีลวดลายที่เป็นสัญลักษณ์ของฤดูร้อนพิมพ์อยู่บนด้านหน้าของไปรษณียบัตรนั้น

คุยธุรกิจกับคนญี่ปุ่นไม่ง่ายนะ 15 มิย .03 ที่ญี่ปุ่นช่วงระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเปิดการเจรจาธุรกิจจนถึงขั้นตอนการตกลงทำสัญญานั้นเป็นช่วงระยะที่กินเวลามาก เนื่องจากชาวญี่ปุ่นมีนิสัยที่ต้องขอความเห็นชอบและมติอย่างเป็นเอกฉันท์จากผุ้เกี่ยวข้องทุกท่านอย่างเป็นทางการเสียก่อน จึงจะสามารถตัดสินใจตกลงทำสัญญาได้ จะว่าไปแล้วการเจรจาธุรกิจกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นนั้น ผู้เจรจาจะต้องกระทำการด้วยความเปิดเผยและจริงใจ การเร่งเร้าให้นักธุรกิจญี่ปุ่นรีบตอบตกลงหรือปฎิเสธการทำสัญญาซื้อขายทางธุรกิจนั้นกลับจะส่งผลในทางลบ ทำให้การเจรจาไม่ประสบความสำเร็จและอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเสียไปได้ อาจกล่าวได้ว่าเวลาที่นักธุรกิจญี่ปุ่นพิจารณาเนื้อหาของสัญญาซื้อขายทางธุรกิจนั้น มิใช่การพิจารณาทำความเข้าใจแต่เพียงเนื้อเรื่องที่ระบุในสัญญาเท่านั้น แต่ยังหมายความรวมถึงการให้ความสำคัญกับการพิจารณาถึงลักษณะนิสัยและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับคู่สัญญาด้วยว่าจะ สามารถติดต่อทำธุรกิจกันต่อไปอีกในระยะยาวได้หรือไม่ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บริษัทต่างชาติที่ไม่มีความเข้าใจเรื่องนี้ก็มักจะประสบปัญหากับการทำธุรกิจกับคนญี่ปุ่น

เดือนมิถุนายน 1 มิย .03 จะมีฝนตกตลอดทั้งเดือน แต่ก็ยังเรียกว่าอากาศก็ยังร้อนอบอ้าวมาก ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน จะเป็นวันเปลี่ยนเครื่องแต่งกายตามฤดูมาเป็นชุดฤดูร้อน เหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นนักเรียน นักศึกษา หรือพนักงานบางบริษัทก็จะมีชุดฤดูร้อนกระโปรงก็จะสั้นลง เสื้อก็จะเป็นแขนสั้น และเดือนนี้ก็จะมีการจ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงานบริษัทเป็นครั้งที่สอง ซึ่งจะจ่ายครั้งแรกตอนต้นปีคะ ฤดูร้อนอย่างนี้คนญี่ปุ่นนิยมกินปลาไหลกันค่ะ เพราะเชื่อกันว่าในช่วงนี้ปลาไหลจะมีรสชาติอร่อยเป็นพิเศษ ระหว่างวันหยุดภาคฤดูร้อน โรงเรียนจะพานักเรียนไปเรียนพิเศษตามบ้านพักต่างอากาศของโรงเรียนอาจจะเป็นคนเขา หรือไม่ก็แถวทะเล ปัจจุบันบางคนก็นิยมส่งลูกไปเรียนต่างประเทศก็มี เพื่อพักอาศัยกับคนต่างชาติ ช่วงเดือนมิถุนา - กรกฎา คนญี่ปุ่นจะออกนอกประเทศกันมากอีกช่วงนึง ดูดี ๆ จะเห็นว่าคนญี่ปุ่นจะมาเมืองไทยเยอะเหมือนกันนะ

มิโสะชิรุ (ซุปเต้าเจี้ยวบด) [16 พค.03] ถึงแม้อาหารประเภทขนมปังจะเป็นที่นิยมรับประทานกันมากในครอบครัวของ คนญี่ปุ่นในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ชอบรับประทานอาหารเช้าแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น คือ ข้าวกับมิโสะชิรุ ในการทำมิโสะ ชิรุ เราจะใส่เครื่องปรุงตามใจชอบหนึ่งหรือสองอย่างลงต้มในน้ำซุปซึ่งทำมาจากปลาโอ แห้ง หรือปลาตัวเล็ก ๆ ตากแห้ง ฯลฯ ละลายเต้าเจี้ยวบดลงไป ต้มจนเดือดอีกครั้งเป็นอันเสร็จเรียบร้อย โดยทั่วไปเราจะเปลี่ยนเครื่องปรุงที่ใส่ในมิโสะ ชิรุ ไปทุกวัน ไม่เพียงแต่ใช้ผักตามฤดูกาล เช่น หัวผักกาด มะเขือยาว เผือก ยังใส่สิ่งอื่นๆ ได้ด้วย เช่น เต้าหู้ขาว แผ่นเต้าหู้ทอด เห็ด เป็นต้น มิโสะ ชิรุ กึ่งสำเร็จรูปที่สะดวกง่ายดายเพียงรินน้ำร้อนลงไปก็รับประทานได้ก็มีวางจำหน่ายและเป็นที่ชอบของคนโสด หรือคนที่อาศํยอยู่คนเดียว บางคนที่จะเดินทางไปต่างประเทศก็จะพกพา มิโสะ ชิรุ กึ่งสำเร็จรูปลงกระเป๋าเดินทางไปด้วย

อิงคังหรือตราประทับ เรียกกันอีกอย่างว่า ฮังโคะ {Hanko} [1 พค.03] โดยปกติจะสลักชื่อผู้ใช้หรือชื่อองค์การหรือบริษัท สำหรับการดำรงฃีวิตในสังคมของคนญี่ปุ่น อิงคังเป็นสิ่งหนึ่งที่จะขาดเสียมิได้สำหรับการยืนยันลายเซ็นหรือชื่อที่พิมพ์ขึ้นของ บุคคลบนเอกสารแทบทุกชนิดยกเว้นงานเขียนส่วนตัว อิงคังส่วนมากจะแบ่งเป็น 3 ชนิดตามการใช้ ได้แก่อิงคังที่จดทะเบียนใช้ในทางกฎหมาย อิงคังสำหรับการธนาคารและอิงคังส่วนตัว อิงคังส่วนตัวซึ่งใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไม่เป็นทางการ โดยปกติจะเรียกว่า ฮังโคะ แต่ปัจจุบันในญี่ปุ่นใช้บัตรเครดิตกันอย่างแพร่หลายและการเซ็นลายเซ็นอย่าง เดียวก็ใช้กันในธุรกิจเช่นกัน แต่หากไม่ประทับอิงคังไว้ในฟอร์มใบสมัครบัตรเครดิตก็จะไม่ยอมออกบัตรให้

คนญี่ปุ่นกับการอ่านหนังสือ [16 เมย.03] รู้กันรึป่าวค่ะว่าคนญี่ปุ่นเป็นผู้ที่รักการอ่านที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นบนรถไฟ ข้างถนน หรือระหว่างการรออาหารในร้านอาหาร จะมีแต่คนถือหนังสือพิมพ์ นิตยสาร การ์ตูน และสิ่งตีพิมพ์อื่นๆ ทุกคนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือกันอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหน ใน 1 ปี ชาวญี่ปุ่นจะอ่านหนังสือ 12 เล่ม นิตยสาร 40 เล่ม คิดเป็นค่าหนังสือประมาณปีละ 2 หมื่นเยนเลยทีเดียว (อะไรจะเยอะปานนั้น) ที่ลืมไม่ได้คือหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ใช่จะได้รับความนิยมเฉพาะเด็ก ๆ เท่านั้นแต่ผู้ใหญ่ก็ยังอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น แม้แต่ในต่างประเทศการ์ตูนญี่ปุ่นก็ยังถือเป็นสินค้าส่งออกได้อีกด้วย นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คนญี่ปุ่นจะมีคุณภาพมาก ทั้งในด้านความคิดและการพัฒนาประเทศ ..วันนี้น้อง ๆ อ่านหนังสือรึยังจ้ะ..

เดือนเมษายน [01 เมย. 03] ที่ญี่ปุ่นถือว่าเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้น ที่โรงเรียนจะมีพิธีปฐมนิเทศต้อนรับภาคการศึกษาใหม่ นักเรียนใหม่ ในเดือนนี้น้อง ๆ นักเรียนก็จะได้ของใช้สำหรับการเรียนใหม่ด้วย ส่วนบริษัทก็จะมีพิธีต้อนรับพนักงานใหม่ด้วย และหลังจากที่ซากุระเริ่มผลิดอกตั้งแต่เดือนมีนาคม พอถึงเดือนนี้ดอกซากุระก็จะเริ่มเบ่งบาน ทุกคนจะรับรู้ข่าวของดอกซากุระทางการพยากรอากาศทุกวัน และพอซากุระบาน ผู้คนก็จะนั่งกันใต้ต้นซากุระอย่างสนุกสนานเดือนเมษานี้ก็จะมีการแข่งขันเบสบอลเพื่อจะไปสู่สนามโคชิเอน ซึ่งถือว่าสุดยอดแห่งการแข่งขันเบสบอลของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

Ohanami [17/03/03] คือ การชมดอกไม้ หลังจากฤดูหนาวสิ้นสุดลง เสื้อโค้ตก็ถูกเก็บไว้ ดอกซากุระก็เริ่มผลิดอก ทั้งในเมือง ในหมู่บ้าน สวนสาธารณะ วัดวาอารม และตามถนนก็สามารถพบเห็นต้นซากุระได้ทั่วไป แต่คนญี่ปุ่นเข้าถึงธรรมชาติมากกว่านั้นจึงมีเทศกาลชมดอกไม้ขึ้นเรียกว่า hanami [hana = ดอกไม้, mi = มองดู] ระหว่างนั้นทั้งทีวี หนังสือพิมพ์จะพากันลงข่าวเกี่ยวกับการบานของซากุระอย่างเอิ๊กกะเริ๊ก คนญี่ปุ่นจะไปชมซากุระกันเป็นครอบครัว หรือกับเพื่อนฝูงในวันหยุดโดยจะนำผ้าพลาสติกสำหรับเที่ยวปิกนิกที่ปูลงบน พื้นใต้ต้นซากุระดื่มกิน และชื่นชมดอกไม้อย่างเพลิดเพลิน ซากุระจะบานอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น โดยจะเริ่มบานบนเกาะโอกินาวา (อยู่ทางใต้ของญี่ปุ่น) ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ และเริ่มบนขึ้นมาทางเหนือ จนถึงเกาะฮอกไกโด ประมาณเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนส่วนในโตเกียวจะบานช่วงเดือนเมษายน

เดือนมีนาคม หรือเดือน 3 ของญี่ปุ่นเรียกว่า "ยาโยอิ" [01/03/03] มีความหมายว่า "โตวันโตคืน" วันที่ 3 เป็นวัน ฮินามัทสึริ บ้านที่มีเด็กผู้หญิงจะประดับตุ๊กตาประจำเทศกาลและจัดดอกไม้พวกดอกท้อและ ดอกนะโนะฮานะ มีการเชิญเพื่อนและญาติ ๆ มาเลี้ยงฉลองโดยจัดเตรียมอาหาร ได้แก่ชิราชิซูชิ ซุปหอยฮามางูริ ขนมอาราเระและเหล้าหวาน และในเดือนมีนาคมนี้ยังเป็นเดือนแห่งพิธีรับปริญญาอีกด้วย เพราะว่าเดือนเมษายนจะเปิดภาคเรียนและเรียนจบชั้นเดือนมีนาของอีกปี เวลาเรียนก็คล้าย ๆ บ้านเราคะ เดือนนี้ยังมีวันที่กลางวันและกลางคืนจะมีความยาวเท่ากันประมาณวันที่ 21 มีนาเรียกกันว่า "ชุมบุนโนะฮิ" คนญี่ปุ่นนี่ละเอียดอ่อนจังเลยนะคะ ขนาดกลางวันกลางคืนเท่ากันวันไหนยังรู้เลย...

ช๊อกโกแลคโตะ [14/02/03] เป็นที่ทราบกันดีว่าในเดือนกพ.นี้เป็นเดือนแห่งความรัก ที่ญี่ปุ่นวันวาเลนไทน์นี้ถือเป็นโอกาสดีที่สาว ๆ จะสามารถสารภาพรักกับชายหนุ่มที่ตัวเองแอบปลื้มได้ อย่างไม่ต้องอายใคร โดยการมอบช๊อคโกแลคให้กับชายที่ตัวเองชอบ ค่านิยมที่ต้องมอบช๊อคโกแลคให้ในวันวาเลนไทน์ก็เพราะ  ในสมัยก่อนบรรดาโรงงานผลิตช็อคโกแลคขายสินค้าของตนไม่ค่อยได้ จึงมีการสร้างกระแสให้มีการมอบช็อคโกแลคในวันวาเลนไทน์ เพราะช็อคโกแลคนั้นทั้งหวานมัน  แถมยังมีหลากหลายซึ่งก็เปรียบได้กับความรักของคนเรา ด้วยเหตุนี้ในวันวาเลนไทน์ของญี่ปุ่นจึงขาดช็อคโกแลคไม่ได้เลยค่ะ ในวันที่ 14 กพ.ของทุกปีหนุ่ม ๆ ก็จะเฝ้ารอช็อคโกแลคจากสาว ๆ ค่ะ และในวันที่ 14 มีนา หนุ่ม ๆ ก็ต้องซื้อของคืนให้สาวที่เอาช็อคโกแลคให้ตัวเอง เค้าเรียกวันที่ 14 มีนา ว่าวัน "White Day" ค่ะ แล้วคุณล่ะวาเลนไทน์นี้มีคู่รึยัง?? =^_^=

สาระพัดอันดับและรางวัลหลังปีใหม่ [21 January 03] พอปีใหม่ทุกปีในญี่ปุ่นมีการจัดอันดับยอดขายซีดีกัน แต่บางคนอาจสังเกตเห็นว่าหนังสือแต่ละเล่ม จัดอันดับไม่เหมือนกัน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะบริษัทสำรวจข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นขาเก่าร่วม 30 ปีอย่าง ORICON หรือว่าบริษัทใหม่ ๆ อย่าง PLANET CHART และ SOUND SCAN ก็ไม่สามารถรวบรวมยอดตัวเลขจริงได้ แต่จะสำรวจร้านขายซีดีในจุดต่าง ๆ แล้วนำตัวเลขมาประมวลผลกัน ของใครก็ของมัน ตัวเลขจึงได้ต่างกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าไม่มีใครรู้ตัวเลขที่แท้จริง ฉะนั้นบรรดาสาวกของศิลปินแต่ละคนก็คอยลุ้นขวัญใจของตัวเองไปด้วย ว่าจะอยู่ในอันดับไหนแต่ก็อย่างที่บอกว่ารางวัล หรืออันดับที่เขาวัดกันนั้นมันก็ไม่สำคัญเท่ากับความตั้งใจ และความรักที่มีต่อศิลปินของตัวเองหรอกนะ แล้วบรรดาสาวกที่น่ารักจะมานั่นทะเลาะกันตามกระทู้ทำไม?!!?...

หากจะนำบทความจากหน้านี้ไปใช้กรุณาขึ้นเครดิตให้ japankiku.com และ link กลับมาด้วย
banner ของ Japankiku อยู่ที่นี่>>

 


Japan NOW!!

Thailand NOW!

J Word
2006 2005 2004
2003 2002 2001
เกร็ดญี่ปุ่น
2006 2005 2004
2003 2002
2001
KIKU Tour
วัฒนธรรมการแยกขยะเมืองญี่ปุ่น
รู้จักเทศกาล Hinamatsuri รึยังเอ่ย?
ใครว่าอยู่เมืองนอก (ญี่ปุ่น) สบาย 1
ใครว่าอยู่เมืองนอก (ญี่ปุ่น) สบาย 2
คริสต์มาสและปีใหม่ในญี่ปุ่น
จำนวนคนญี่ปุ่นที่อาศัยในไทย
Japankiku IN JAPAN!!
Yakuza คือใครกันแน่!!!
เครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นๆ
สิงหาคมเดือนแห่งความโหดร้าย
คนญี่ปุ่นเลี้ยงลูกกันอย่างไร
Tokyo Tower
มารู้จักซากุระกันเถอะ!!
ใครว่าอยู่เมืองนอก (ญี่ปุ่น) สบาย
47 จังหวัดของญี่ปุ่น
รู้จักราชวงศ์ญี่ปุ่น
ฤดูต่าง ๆ ในญี่ปุ่น
วันสำคัญ วันหยุดราชการ

Japan Study Link

เรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟร
JAT School
Mainichi
J Education
Kiku Tuter Board
Hokutoda
Tsn Life
Kidsweb
Japan Introduction
Megumi web

ข้อมูลท่องเที่ยว

Infomapjapan good
Japan-guide
good
Jnto.go.jp
Jalan

Japan Pictionary

แนะนำ Tokyo
รายละเอียดเกี่ยวกับ Visa
Japangaido
Web-japan
Japan-adventures

เส้นทางรถไฟ ตั๋วรถ

japanrailpass good
Westjr.co.jp

ซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูก

เช็คราคาตั๋วเครื่องบิน
kmt.co.th
tv-air.co.th
เดินทางไปสนามบินนาริตะ

จองโรงแรมแบบญี่ปุ่น

Jpinn
Japanese guesthouses
Travel.rakuten
เดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น