Sadako กับนกกระดาษ 1,000 ตัว

Sadako Sasaki เกิด 7 มกราคม ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) เมื่อเธออายุได้ 2 ขวบมีการทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมา ทำให้ Sadako ได้รับผลพวงจากการทิ้งระเบิดครั้งนั้นคือโรคมะเร็งเม็ดโลหิต (ลูคิเมีย)
Sadako Sasaki เด็กหญิงชาวญี่ปุ่น เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดโลหิต (ลูคิเมีย) ขณะอายุได้ 11 ปี เนื่องจากได้รับสารกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดปรมาณูที่สหรัฐฯ ทิ้งถล่มฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนเสียชีวิต ซาดาโกะพยายมพับนกกะเรียนกระดาษด้วยมือที่บวมเป่งและเจ็บปวดมาก ด้วยความเชื่อว่าหากพับนกได้ครบหนึ่งพันตัว เธอจะหายจากโรคภัย แต่เธอก็จบชีวิตลงเมื่อพับนกกะเรียนได้เพียง 644 ตัวเท่านั้น ร่างของ Sadako ถูกฝั่งพร้อมกับนกกระดาษ 1,000 ตัว ที่เพื่อน ๆ ช่วยกันพับนกกระดาษจนครบ และมีการปั้นรูปปั้นของ Sadako ไว้ที่ Hiroshima Peace Park ในปี ค.ศ. 1958 โดยมีข้อความที่ฐานของรูปปั้นเรียกร้องสันติภาพ ความว่า "This is our cry, This is our prayer, Peace in the world." การต่อสู้ของซาดาโกะเป็นแรงบันดาลใจในการแสวงหาสันติภาพของคนทั่วโลก ไม่กี่ปีหลังจากซาดาโกะเสียชีวิต มีการสร้างอนุสาวรีย์ซาดาโกะขึ้นที่สวนสันติภาพ ณ เมืองฮิโรชิมาเพื่อรำลึกถึงซาดาโกะและเด็กที่เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณูเรื่องราวของซาดาโกะเป็นทีมาของบทประพันธ์เรื่อง "ซาดาโกะกับนกกะเรียนพันตัว" (Sadako and the thousand papar cranes)

ทำไมต้องเป็นฮิโรชิม่า และนางาซะกิ??

สงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยอมแพ้ เนื่องจากโดนระเบิดนิวเคลียร์ไป 2 ลูก เคยสงสัยไหมว่า...ทําไมต้องเป็นฮิโรชิมา นางาซากิ ทําไมไม่ใช่โตเกียวหรือโอซาก้า ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่กว่าฮิโรชิมา ... ทําไม? ช่วงเริ่มสงครามใหม่ๆ ญี่ปุ่นก็ท่าทางจะไปได้สวย บุกไปถล่มอ่าวไข่มุก (Pearl Harbour) ที่เกาะฮาวายของอเมริกา โดยที่อเมริกาทําอะไรไม่ได้เลย ในแถบเอเชียไม่ว่าจะไปบุกที่จีน เกาหลี ไม่ว่าที่ไหน ๆ ไม่มีใครต้านญี่ปุ่นได้ กองกําลังของญี่ปุ่นเข้มแข็งมาก แต่...พอถึงช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเกาะหรือจะมาต้านประเทศมหาอํานาจอย่างอเมริกาได้ ญี่ปุ่นเริ่มอ่อนแอ เรือบรรทุกนํ้ามันที่นํานํ้ามันมาจากประเทศอินโดนีเซียก็โดนโจมดี เชื้อเพลิงไม่มี เรือที่ขนเสบียงก็โดนตี ...จมทะเลก่อนจะไปถึงจุดหมาย คนญี่ปุ่นที่ไปรบในแถบอาเซียนเสียชีวิตเป็นจํานวนมาก จากการขาดเสบียงอาหารและยารักษาโรค
ในประเทศญี่ปุ่น เครื่องบินอเมริกาบินมาถล่มญี่ปุ่นทุกคืน เมืองใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว โอซาก้า นาโกย่า โดนถล่มแทบจะเป็นเมืองร้าง ทั้งทหารและพลเรือนเสียชีวิตเป็นจํานวนมาก แสนยานุภาพของเครื่องบินรบญี่ปุ่นช่วงหลังสงครามก็แทบจะทําอะไรเรือรบอเมริกาไม่ได้เลย เมื่อสุนัขจนตรอก มันทําได้อย่างเดียวคือ วิ่งชนเพื่อเอาตัวรอด หน่วยรบพิเศษ คามิกาเซะ ก็เกิดขึ้นมา แต่ก่อนที่จะชนเรือรบอเมริกาได้ ก็โดนยิงร่วงตกก่อนซะเป็นส่วนมาก เมืองโตเกียว และ เมืองทหารของญี่ปุ่นเกือบทุกแห่ง ตอนปลายสงคราม...อย่างที่บอกไปแทบจะเป็นเมืองร้าง แต่...ยังมีอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมทางการทหาร มีโรงงานมากมาย เด็กๆ ญี่ปุ่นตัวน้อยๆ จํานวนมากถูกเกณฑ์มาสร้างอาวุธนี่นั่น ... สงครามก็ทํามานานแล้ว แต่เมืองนี้แทบจะไม่ได้รับอิทธิพลจากสงครามเลย...ใช่แล้ว...เมืองใหญ่เมืองนี้คือ ฮิโรชิมา ตั้งแต่อ่าวไข่มุกของอเมริกาโดนญี่ปุ่นถล่มยับเยิน ก็มีโครงการเกิดขึ้นโครงการหนึ่ง...เป็นโครงการที่เร่งเครื่องไปข้างหน้าอย่างลับๆ โครงการนั้นคือ โครงการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของโลก ประสบผลสําเร็จในกลางปี คศ. 1945 ก่อนที่อเมริกาจะนําไปทิ้งที่ ฮิโรชิมา เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น ทําไมอเมริกาต้องรีบเอาไปทิ้ง

เหตุผลที่ต้องรีบก็มีหลายอย่าง ต้องการยุติสงครามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ เพื่อลดการสูญเสียของอเมริกา ต้องการชนะญี่ปุ่นก่อนที่โซเวียต(รัสเซียปัจจุบัน) จะเข้าร่วมสงครามอย่างจริงจัง... เดี๋ยวอด
ต้องการทดสอบแสนยานุภาพของระเบิดชนิดใหม่

แล้วทําไมเลือกฮิโรชิมา ความจริงเมืองที่อเมริกาเลือกไว้เป็นเป้าหมายของระเบิดมีเกือบ 20 แห่ง แล้วก็ค่อยๆ ตัดออกไปจนเหลือ 2-3 เมือง หนึ่งในนั้นคือ ฮิโรชิมา เหตุผลที่อเมริกาเลือก ฮิโรชิมา ก็คือ ฮิโรชิมาเป็นเมืองทหาร มีกองทัพทหาร โรงงานผลิตอาวุธมากมาย แต่ยังไม่ได้รับความเสียหายจากสงคราม ฮิโรชิมาตั้งอยู่ในที่ราบ เหมาะสมที่จะทดสอบแสนยานุภาพของระเบิด แล้ว...วันที่ 6 เดือนสิงหาคม คศ. 1945 เวลา 8:15 นาฬิกา ระเบิดนิวเคลียร์ที่มีชื่อว่า Little Boy ก็ได้นําไปทิ้งที่ เมืองฮิโรชิมา มีผู้เสียชีวิตเป็นจํานวนมาก แล้วอีก 3 วันต่อมา ระเบิดนิวเคลียร์ที่มีชื่อว่า Fat Man ก็ได้นําไปทิ้งที่ เมืองนางาซากิ แน่นอนมีผู้คนเสียชีวิตจํานวนมากเช่นกัน ในที่สุดญี่ปุ่นก็ต้องยอมแพ้สงคราม ปัจจุบันนี้เมืองฮิโรชิมาได้ฟื้นตัวกลับมาเป็นเมืองที่น่าอยู่เหมือนเดิมแล้ว ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยว ขอแนะนําให้ไปเที่ยวที่ Hiroshima Peace Memorial Museum แล้วทุกคนจะรู้ว่าสงครามมันน่ากลัว เป็นสิ่งที่พวกเราต้องช่วยกันต่อต้านขนาดไหน ละครชีวิต... หลายเรื่อง เกิดขึ้นที่ฮิโรชิมา แน่นอนทุกเรื่องเป็น ละครเศร้า / Hokutoda

เกิดสงครามโลกครั้งที่สองได้ยังไง??!!

ในปี ค.ศ. 1920 ญี่ปุ่นประสบกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก จนรัฐบาลเริ่มอ่อนแอ แนวคิดเรื่องการปกครองแบบเผด็จการ ของยุโรป เริ่มระบาดในหมู่ขุนทหารญี่ปุ่น และยังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่อยู่ในสภาวะอับจนทางเศรษฐกิจด้วย กองทัพเริ่มแยกตัวเป็นอิสระจากการบังคับบัญชาของรัฐบาล จนในปี ค.ศ.1931 กองทัพญี่ปุ่นก็เข้ายึดแมนจูเรียของจีน โดยที่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ทราบเรื่อง จึงเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากองทัพไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาล จากนั้นอีก 4 ปี กองทัพญี่ปุ่นได้ก่อการรัฐประหารเพื่อล้มรัฐบาล แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ แต่เหล่าขุนพลเหล่านั้นกลับยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้น จนในปี ค.ศ. 1941 นายพลฮิเดกิ โตโจ นายทหารคนสำคัญก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และนับตั้งแต่นั้นมาประเทศญี่ปุ่น ก็มีรูปแบบการบริหาร แบบฟาสซิสต์เหมือนในยุโรป

หลังจากที่ฝรั่งเศสปราชัย ในปี 1941 และเยอรมนีได้อิตาลีมาเป็นพวกยิ่งทำให้ฮิตเลอร์เหิมเกริม ยกทัพไปบุกเข้าตีรัสเซีย รัสเซียได้ระวังตัวอยู่ก่อนแล้วบ้าง สตาลิน ผู้นำรัสเซียในขณะนั้น จึงได้ยกกำลังทหารเข้ายึดโปแลนด์ซึ่งเยอรมนียึดได้ก่อนหน้านี้ และขอแบ่งโปแลนด์มาครอบครองครึ่งหนึ่ง และรัสเซียยังได้เข้ายึดครองฟินแลนด์อันเป็นชัยภูมิที่สำคัญ เพราะเป็นประเทศหน้าด่านที่จะบุกเข้าสู่รัสเซียไว้ก่อนหน้านั้นแล้วแต่รัสเซียก็ยังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ในการรบ ทำให้สถานการณ์สงครามขยายวงออกไปอีก สถานการณ์ทางด้านมหาสมุทรแปซิฟิก ในเขตเอเซียเริ่มตึงเครียด เพราะญี่ปุ่นหาเหตุรุกรานเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน จนประธานาธิบดีรูสเวลต์ ต้องออกกฎหมายห้ามส่งออกสินค้าที่เป็นยุทธปัจจัยพื้นฐานให้ เพื่อยับยั้งการก่อสงครามของญี่ปุ่น และต่อมาก็ได้อายัดทรัพย์สินของชาวญี่ปุ่นในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด

ขณะที่ทูตญี่ปุ่นกำลังดำเนินการเจรจาทางการทูต เพื่อแก้ไขปัญหากับสหรัฐฯอยู่นั้น เช้าวันที่ 7 ธันวาคม ปี ค.ศ.1941 กองทัพญี่ปุ่นก็ได้บุกเข้าตีฐานทัพของสหรัฐอเมริกาที่เกาะเพิร์ลฮาร์เบอร์อันเป็นเกาะเล็กๆในหมู่เกาะฮาวาย อันเป็นฐานทัพใหญ่ของสหรัฐฯที่คุมกำลังด้านพื้นแปซิฟิก โดยที่สหรัฐฯเองไม่ทันตั้งตัว ขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็ยกกำลังอีกทางหนึ่งเข้าบุกประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ อันรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้าที่ญี่ปุ่นโจมตีเกาะเพร์ลฮาร์เบอร์ เพียงวันเดียว รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพิ่งอนุมัติเงินก้อนใหญ่เพื่ออุดหนุนการวิจัยเรื่อง พลังงานนิวเคลียร์ อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก และ การที่ญี่ปุ่นเข้าโจมตีเพร์ลฮาร์เบอร์ในครั้งนั้นเอง จึงเป็นการผลักดันให้ทั้ง 2 ชาติ กระโจนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเต็มตัว

จนถึงปี ค.ศ. 1944 สถานการณ์สงครามโลกเริ่มคลี่คลายไปมาก ฝ่ายอักษะเริ่มปรากฎลางแพ้ เมื่อกองทัพฝ่ายพันธมิตรบุกอย่างหนัก อิตาลีปราชัยต่อฝ่ายพันธมิตร ประเทศต่างๆที่เคยถูกอักษะยึดครองไว้ ได้รับการการปลดปล่อย จนในเดือน เมษายน ค.ศ. 1945 ฝ่ายพันธมิตรก็ได้รับชัยชนะต่อเยอรมนีอย่างเด็ดขาด โดนกองทัพรัสเซียซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ายึดครองเยอรมนีได้สำเร็จ และฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายเดือนเดียวกันนั้นเองประธานาธิบดีรูสเวลต์ก็ล้มป่วยและเสียชีวิต แฮร์รี่ ทรูแมน รองประธานาธิบดีในขณะนั้นเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแทน

สหรัฐอเมริกาทิ้ง (ทดลอง) ระเบิดปรมณูกับเมืองฮิโรชิม่า

จนเมื่อการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ประสบความสำเร็จ สหรัฐอมเริกาจึงเตรียมที่จะใช้อาวุธมหาประลัยนี้เผด็จศึกญี่ปุ่นโดยฝ่ายสัมพันธมิตรได้ยื่นคำขาดให้ญี่ปุ่นยอมจำนน แต่ญี่ปุ่นไม่สนใจ และแล้วในวันที่ 6 สิงหาคม 1945 เครื่องบิน บี-29 ของสหรัฐอเมริกาชื่อ "เอนอลาเกย์" ก็ได้ปฎิบัติภารกิจครั้งประวัติศาตร์ คือการนำระเบิดปรมณูไปถล่มเมืองฮิโรชิมา ระเบิดปรมณูลุกนี้ชื่อว่า "ลิตเติลบอย" มีแรงระเบิดขนาด 15 กิโลตัน หรือเทียบเท่ากับดินระเบิด ทีเอ็นที 15000 ตัน ซึ่งประมาณระเบิดขนาดนี้หากใช้รถบรรทุกสิบล้อขน ก็ราว 750 เที่ยวทีเดียว

เมืองฮิโรชิมา เป็นเมืองที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นและแม้ว่าชาวญี่ปุ่นจะรู้ล่วงหน้าว่า สหรัฐฯ จะทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ แต่ก็หามีใครตะหนักถึงอนุภาพของมัน เมื่อเอนอลาเกย์ ถึงที่หมาย นักบินจึงปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ และรับออกจากที่หมายโดยเร็วที่สุด ระเบิดนิวเคลียร์เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ และระเบิดกลางอากาศขณะที่ลอยอยู่เหนือเมืองฮิโรฮิมา ที่ความสูง 600 เมตร เกิดเป็นควันขาวอมเขียวพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นรูปดอกเห็ดสูงถึง 10 กิโลเมตร อันเป็นลักษณะเฉพาะของระเบิดนิวเคลียร์ และแสงสว่างอันเจิดจ้า พลังงานอีนมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมาในรูปของแรงอัดอากาศ จากการระเบิด ความร้อนและกัมมันตภาพรังสี โดยที่ศูนย์กลางของการระเบิดนั้นมีอุณห๓ูมิสูงถึง 3800 องศาเซลเซียส

ผลการระเบิดทำให้เกิดแรงลมขนาด 1600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รุนแรงกว่าพายุเฮอริเคนที่รุนแรงที่สุดถึง 5 เท่า พลานุภาพของเจ้าเด็กน้อย ลิตเติลบอย หรือระเบิดนิวเคลียร์ มากมายจนชาวญี่ปุ่นคิดไม่ถึง ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่น กำลังตื่นตระหนกต่ออำนาจของระเบิดนิวเคลียร์ ประธานาธิบดี ทรูแมน แห่งสหรัฐอเมริกา ก็ได้ยืนคำขาดอีกครั้งเพื่อให้ญี่ปุ่นยอมจำนนแต่โดยดี แต่รัฐบาลญี่ปุ่นเพิกเฉย ในที่สุด ทรูแมน จึงได้สั่งให้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มญี่ปุ่นเป็นลูกที่ 2 และระเบิดลูกนี้ มีชื่อว่า "แฟทแมน" เพราะว่าขนาดอ้วนและใหญ่โตกว่าลูกแรกเป้าหมายของระเบิดลูกที่ 2 นี้ ก็คือ เมืองนางาซากิ

และแล้วในวันที่ 9 สิงหาคม ปี ค.ศ.1945 คืออีก 3 วันถัดมาโศกนาฎกรรมของมนุษยชาติ อีกฉากหนึ่งก็ได้อุบัติขึ้น เมืองนางาซากิ พินาศย่อยยับในพริบตาด้วยอำนาจของเจ้าคนอ้วน หรือ แฟทแมนในที่สดุรัฐบาลญี่ปุ่นก็ประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขทั้งนี้เพื่อรักษาชีวิตของประชาชนไว้ เพราะไม่แน่ว่าอาจจะมีระเบิดลูกที่ 3 ตามมาอีกส่วนพิธีลงนามอย่างเป็นทางการนั้น ได้จัดขึ้นในปลายเดือนนั้น
สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงแล้ว ผลของระเบิดนิวเคลียร์ทำให้เมืองฮิโรชิมา มีผู้เสียชีวิตทันทีจากการระเบิด ประมาณ 70,000 คน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตภายหลังในปีเดียวกันอีกราว 70,000 คน และผู้ที่เสียชีวิตภายหลังนี้ต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสก่อนเสียชีวิต จากแผลไฟลวก และผลจากกัมมันตภาพรังสี และประมาณอีก 60,000 คนเสียชีวิตในอีก 6 ปี ถัดมา ส่วนใหญ่เป็นผลจากกัมมันตภาพรังสี รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 คน

ส่วนที่นางาซากินั้น มีชะตากรรมไม่แพ้กัน ผู้เสียชีวิตในทันที 70,000 คน บาดเจ็บอีกราว 80,000 คนซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ผลของกัมมันตภาพรังสี
ยังทำให้ผู้ที่ได้รับรังสีกลายเป็นมะเร็งในภายหลังได้อีกด้วย ในส่วนนี้ไม่สามารถประเมินได้แน่นอนว่ามีจำนวนเท่าใด ยังไม่รวมถึงความผิดปกติทางพันธุกรรม อันเป็นผลจากกัมมันตภาพรังสีที่ตกค้างอีกด้วย

มีคนบอกว่า หลังจากที่ฮิโรชิมา โดนระเบิดไปในคราวนั้นแม้กระทั่งต้นไม้ ก็ยาก ที่จะมีโอกาสงอกขึ้นใหม่ ผู้คนอยู่ในอาการขวัญเสีย มีคนเจ็บป่วยและรอคอยความตายมากมาย คนตาย ก็ตายไป คนอยู่ ก็ต้องเจ็บปวดเพราะต้องสูญเสียคนที่รักไป ต้องอยู่กับสภาพบ้านเรือนที่ผุพัง และแวดล้อมไปด้วยความทรงจำที่เลวร้าย การอยู่โดยการไม่เบียดเบียนกันและอยู่ด้วยความพอดี ดีที่สุดแล้ว

อนุสรณ์รำลึกถึงความโหดร้ายของนิวเคลีย์


Children's Peace Monument ประติมากร
ชื่อ Kazuo Kikuchi
สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 5 พค 1958 (วันเด็กของญี่ปุ่น)
เพื่อระลึกถึงเด็กสาว ซาดาโกะ Sadako Sasaki

ทุก ๆ วันที่ 6 สิงหาคม เวลา 08.15 น.ทุกปี จะมีพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น ณ ตำแหน่งที่
ระเบิดนิวเคลียร์ลูกนั้น มาลง แม้ในทุกวันนี้ กลุ่มทัวร์
หรือนักเรียน ที่มาทัศนศึกษา ก็จะมาทำพิธี ณ จุดนี้ เช่นเดียวกัน

ที่ Hiroshima Peace Memorial Museum สมบูรณ์แบบมาก ทั้งภาพถ่ายจากของจริง และรายละเอียดของข้อมูลหลายภาษา (สิบกว่าภาษา) น่าดีใจ ที่มีภาษาไทยด้วย ภาษาโปรตุเกส ภาษาตากาล็อค ภาษาเกาหลี

ด้านใน (บันทึกภาพได้แต่ห้ามใช้แฟลช)
มีภาพขยายจากเหตุการณ์จริง ...


ภาพขยายนาฬิกา ที่หยุดเดินเมื่อระเบิดลง
08.15 น. พร้อมกับชีวิตคนญี่ปุ่น
และมีคนจีนและเกาหลีบางส่วนในเมืองนี้
เสียชีวิตไป แสนกว่าคน

ส่วนหนึ่งของผู้ชมและภาพภายในพิพิธภัณฑ์

แบบจำลองเมืองฮิโรชิมา ก่อนโดนระเบิด

หลังจากโดนระเบิด

หน้ากากป้องกันแกสพิษ


ภาพถ่ายแสดงกลุ่มควันพิษ
จากระเบิดนิวเคลียร์ ที่พวยพุ่ง ในรูปแบบที่แตกต่างกัน


ภาพจริงของ เด็กหญิง Sadako Sasaki ที่โดนระเบิด
เมื่อตอนอายุสองขวบและเสียชีวิตเมื่ออายุ สิบเอ็ดปี
ด้วยโรค leukemia

เธอเป็นเจ้าของตำนาน พับนกกะเรียน พันตัว
แล้วจะหายจากโรคร้าย
น่าเสียดาย เธอพับไปได้แค่ ห้าร้อยกว่าตัวเท่านั้นเอง
นี่คือ ผลงานพับกระดาษนกกะเรียนของเธอ

หลายคนที่ต้องทนทุกกับมะเร็งผิวหนัง
และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ...
ญาติพี่น้องก็ได้แต่เก็บซากเสื้อผ้า เส้นผม
หรือของใช้ส่วนตัว ไว้เป็นที่ระลึกต่างหน้า

(ภาพนี้ ชวนสลดหดหู่)


จักรยานและหมวก ของเด็กชาย Shinichi อายุ สามขวบ
รักการปั่นจักรยานสามขานี้มาก วันนั้น เค้าปั่นจักรยานเล่นอยู่หน้าบ้าน
ซึ่งห่างจากจุดระเบิดร้ายลง ประมาณ 1.5 กม.
เขาเสียชีวิตลง และพ่อของเค้าได้ฝังเค้ากับจักรยานไว้ด้วยกัน สี่สิบปีหลังจากนั้น พ่อเค้าได้ขุดขึ้นและนำจักรยานและหมวกที่เต็มไปด้วยสนิมขึ้นมา เก็บรักษาไว้ที่นี่

หากจะนำบทความจากหน้านี้ไปใช้กรุณาขึ้นเครดิตให้ japankiku.com และ link กลับมาด้วย
banner ของ Japankiku อยู่ที่นี่>>

 


Japan NOW!!

Thailand NOW!

J Word
2006 2005 2004
2003 2002 2001
เกร็ดญี่ปุ่น
2006 2005 2004
2003 2002
2001
KIKU Tour
วัฒนธรรมการแยกขยะเมืองญี่ปุ่น
รู้จักเทศกาล Hinamatsuri รึยังเอ่ย?
ใครว่าอยู่เมืองนอก (ญี่ปุ่น) สบาย 1
ใครว่าอยู่เมืองนอก (ญี่ปุ่น) สบาย 2
คริสต์มาสและปีใหม่ในญี่ปุ่น
จำนวนคนญี่ปุ่นที่อาศัยในไทย
Japankiku IN JAPAN!!
Yakuza คือใครกันแน่!!!
เครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นๆ
สิงหาคมเดือนแห่งความโหดร้าย
คนญี่ปุ่นเลี้ยงลูกกันอย่างไร
Tokyo Tower
มารู้จักซากุระกันเถอะ!!
ใครว่าอยู่เมืองนอก (ญี่ปุ่น) สบาย
47 จังหวัดของญี่ปุ่น
รู้จักราชวงศ์ญี่ปุ่น
ฤดูต่าง ๆ ในญี่ปุ่น
วันสำคัญ วันหยุดราชการ

Japan Study Link

เรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟร
JAT School
Mainichi
J Education
Kiku Tuter Board
Hokutoda
Tsn Life
Kidsweb
Japan Introduction
Megumi web

ข้อมูลท่องเที่ยว

Infomapjapan good
Japan-guide
good
Jnto.go.jp
Jalan

Japan Pictionary

แนะนำ Tokyo
รายละเอียดเกี่ยวกับ Visa
Japangaido
Web-japan
Japan-adventures

เส้นทางรถไฟ ตั๋วรถ

japanrailpass good
Westjr.co.jp

ซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูก

เช็คราคาตั๋วเครื่องบิน
kmt.co.th
tv-air.co.th
เดินทางไปสนามบินนาริตะ

จองโรงแรมแบบญี่ปุ่น

Jpinn
Japanese guesthouses
Travel.rakuten
เดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น