KITARO
LIVE IN BANGKOK
ON 14 AUGUST 2004

พูดถึงชื่อของนักดนตรีระดับโลกชาวญี่ปุ่น
แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ "Kitaro" ติดอยู่ในอันดับต้น
ๆ อย่างแน่นอน
สำหรับแอนจังแล้วชื่อนี้คุ้นหูมานานเพราะว่าหลาย
ๆ ครั้งที่ดูภาพยนต์ หรือฟังเพลงมักจะเห็นชื่อของ "Kitaro"
อยู่เสมอ แฟน Japankiku หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้จัก ศิลปินชาวญี่ปุ่นคนนี้
แอนจังจึงอยากจะนำเรื่องราวของเขา และเพลงของเขามาให้ฟังกัน
จริง ๆ แอนจังก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ แต่ก็พยายามหาข้อมูลมารวบรวมไว้ให้มากที่สุด...
"Kitaro" ได้มาเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทยในวันที่
14 กันยายน แอนจังก็ไปดูที่ กทม. ด้วยคะ "สำนักข่าวสารญี่ปุ่น
สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย" ให้กรุณาให้บัตรกับ
Japankiku มา 2 ใบ แอนจังจึงได้มีโอกาสไปคอนเสิร์ตของ
"Kitaro" ศิลปินญี่ปุ่นระดับโลกคนนี้ คะ...
จุดแรกที่ก้าวเข้าไปในงานคอนเสิร์ตภายในงานบรรยากาศตรงกับชื่อของงานมาก
Hainaken Kitaro Live in Bangkok มีภาพ wallpaper ขนาดใหญ่เป็นภาพของ
Kitaro ซึ่งคนที่เข้าไปชมคอนเสิร์ตสามารถถ่ายรูปได้ และมีเบียร์
Hainaken แจกให้ผู้ที่มีบัตรเข้าชมงานแลก (ขวดเล็ก)
เมื่อถึงเวลาประมาณ
2 ทุ่มผู้คนเริ่มแน่นบริเวณหน้างาน จนไม่ทันสังเกตว่ามีแขกผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานมีใครกันบ้าง
และยังต้องนำกล้องถ่ายภาพและกระเป๋าไปฝากไว้ก่อน เนื่องจากเขาไม่ให้เอากล้องเข้าไป
.. คิดว่าคงมีการสงวนสิทธิ์ไม่ให้เก็บภาพ หลังจากเข้าไปในห้องที่มีการแสดงเห็นได้ชัดว่าเก้าอี้ทุกตัวมีคนเข้ามานั่งเต็ม..
หลังจากนั้นศิลปินระดับโลก
KITARO ก็ก้าวขึ้นมาบนเวทีด้วยเสื้อผ้าแบบเดิมที่ทุกคนเคยเห็นจนชินตา
พร้อมกับเสียงปรบมือที่กึ่งก้อง และการไหว้ทักทายคนดู
ซึ่งบนเวทีมีเครื่องหลายอย่างที่เห็นชัดและสะดุดตาเป็นอย่างแรกคือ
กลองญี่ปุ่นสีแดง (Taiko) , คีบอร์ด 2 ชุด และของ Kitaro
อีกหนึ่งชุด, เพอร์คัสชั่น, กีต้าร์ , ไวโอลีน และกลองชุด
และแนะนำสมาชิกในวง ซึ่งได้แก่
1.
Kitaro
2. Takahashi Manabu (Guitar)
3. Ono Hideo (Drum)
4. Takahashi Keiko (Keyboard)
5. Ebihara Shinji (Keyboard)
6. Nomura Tomoto (Parcasssion)
7. Sakiyama Yayoi (Violin)
หลังจากนั้น Kitaro ก็ตีละฆังเพื่อเป็นการเปิดคอนเสิร์ตครั้งที่สองในเมืองไทย..
ตลอดการแสดง นอกจากภาพที่ทุกคนเคยเห็น Kitaro นั่งอยู่หน้า
คีบอร์ด ทุกคนยังได้เห็น เขาออกไปโซโล่กีต้าร์ และตีกลองญี่ปุ่น
Kitaro ได้บรรเลงเพลง ติดต่อกันประมาณ 5 เพลง ทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาด้วย..
ขณะที่ Kitaro ได้เล่นดนตรีผู้ชมสามารถเข้าถึงจิตนาการของเขาที่เขาต้องการสื่อผ่านเสียงดนตรี
ของเขา
พอเวลาประมาณ
4 ทุ่ม เชื่อได้ว่าเป็นไฮไลท์เพลงที่ทุกคนรอคอยถึงแม้จะไม่มีการตีกลองญี่ปุ่นตอนต้นเพลง
แต่แค่อินโทร์ของเสียงคีบอร์ดก็รู้ได้ว่าเป็นเพลง Matsuri
ทำให้ทุกคนสนุกไปกับเพลง Matsuri
อย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นก็ได้เห็น Kitaro ขึ้นมาตีกลองปิดท้ายเพลงและปิดการแสดง...
และเสียงปรบมือก็กึกก้องทั่วทั้ง BEC Hall นักดนตรีและ
Kitaro เดินลงจากเวที..
แต่เสียงปรบมือก็ยังคงดังไม่หยุด
ดังขึ้น ดังขึ้น หลายนาที.. หลังจากนั้น Kitaro ก็กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง
พร้อมกับพูดขอบคุณแขกที่มาชมการแสดงของเขาในกรุงเทพฯ และหวังว่าจะได้มาเปิดการแสดงอีกในไม่ช้า
(Kitaro พูดเป็นภาษาอังกฤษ) และเล่นเพลง Light of spirit
เป็นเพลงสุดท้าย... เป็นการปิดงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ...

บัตรคอนเสิร์ต
|
สรุปแล้วเพลงที่
Kitaro ได้แสดงในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ ทั้งหมดมีดังนี้
01. Peace Bell Symphony
02. Hajimari - Sozo
03. Orochi
04. Koi
05. Caravansary
06. Theme
of Silk Road
07. Heaven & Earth
08. Water of Mystery
09. Cocoro (Part 1)
10. Matsuri
Encore
01. The Light of The Spirit
เรื่องโดย
: Piak
เรียบเรียง : แอนจัง
::
Special Thanks ::
สำนักข่าวสารญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูต
ญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
หนังสือพิมพ์
Bangkok Shuho
|
ชื่อจริง
|
Masanori
Takahashi |
ชื่อที่เป็นที่รู้จัก
|
Kitaro |
เกิดเมื่อ
|
1953 |
บ้านเกิด
|
Toyohashi, Japan |
ฟังเพลงของ
KITARO :: The
Silk Road :: Matsuri
"เสียงดนตรีเต็มไปด้วยความหวัง
เสียงดนตรีสามารถสื่อได้ถึงความรู้สึกลึก ๆ ที่สวยงามของมนุษย์
เสียงดนตรีเปรียบสะเหมือนเสียงจากธรรมชาติ เสียงสะท้อนจากภูเขาและทะเล
เสียงดนตรีที่ได้ยิน คุณอาจจะไม่เข้าใจแต่รู้สึกได้
เสียงดนตรีทำให้ผ่อนคลายและคอยปลอบประโลม
สันติสุขและความสงบจะบังเกิด เพียงแค่คุณร้องเพลงเท่านั้น"
by...
(KITARO)
มาซาโนริ
ทาคาฮาชิ หรือ KITARO เกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์
1953 ในครอบครัวชาวไร่ที่นับถือศาสนาชินโตในเมือง โทโยาฮาชิ
เขายังถือว่ารักษาประเพณีดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแม้ว่าหลังจากนั้นเขาจะได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกเมื่อเขาโตขึ้นก็ตาม
เขาได้ตั้งวงดนตรีที่มีชื่อว่า "Far Eadt Family Band"
ซึ่งมีอัลบั้มเป็นของตัวเองถึง 2 อัลบั้มในแนวดนตรีร๊อคในยุคต้นปี
70
KITARO
ได้พบกับ Klaus Schulze ซึ่งนักประกอบดนตรีแนวใหม่ระหว่างการทัวร์ยุโรปในปี
1972 หลังจากนั้นเป็นต้นมา KITARO ก็หลงไหลในเสียงดนตรีนั้นและเริ่มประสมเสียงต่างและเพิ่มลูกเล่นแปลก
ๆ เข้าไปในเสียงดนตรีทุกวันนี้เพลงของ KITARO ออกแนวล้ำสมัยมากขึ้น
และเต็มไปด้วยการผสมผสานในรูปแบบใหม่ซึ่งปราศจากข้อจำกัดด้านเนื้อร้อง
KITARO ยังคงมีความกระตือรือล้นในการนำเพลงพื้นเมืองแท้ไปสู่ถนนดนตรีสายหลัก
ภายใต้ธรรมชาติ
และวัฒนธรรมตามแบบฉบับของชาวญี่ปุ่นดั้งเดิม นั่นคือสิ่งที่เขาได้ซึมซับ
และเรียกได้ว่า ธรรมชาติกับตัวเขานั้นเป็นสิ่งที่ควบคู่กัน
และไม่สามารถแยกขาดกันได้...จนกระทั่งการได้รู้จักกับ กีต้าร์ไฟฟ้าเมื่อตอนที่เรียนจบ
ทำให้ตัวเขาเกิดความหลงใหลในดนตรี Rhythm and Blues และ
เพลง Classic ไปโดยปริยาย
ในปี
1980 จากจุดเริ่มต้นกับการแต่งเพลงประกอบสารคดี The
Silk Road ที่สามารถสร้างชื่อเสียงจนเป็นที่คุ้นหูคนทั่วโลกด้วย
Sound แปลกใหม่ จนมาถึงปี 1986 ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Geffen
Record ที่เคยสร้างตำนานอย่าง Guns N' Roses ...ก็ได้ทำให้
คนทั่วโลกรู้จักเขามากขึ้นกับ อัลบั้มแรก Tenku ซึ่งแปลว่า
ท้องฟ้าแห่งสรวงสวรรค์ โดยเปิด Track แรกด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก
ที่ได้สร้างความประทับใจให้กับคนทั่วโลก...
จนมาถึงฤดูใบไม่ร่วงในปี 1987 The Light Of Spirit
ที่แสดงถึงเรื่องราวของชีวิต การจุติ และการดับ ก็ทำให้เขาถูกเสนอชื่อเพื่อเข้าชิงรางวัล
Grammy Award รางวัลศักดิ์สิทธิ์ทางดนตรี ที่ทุกคนต่างก็ใฝ่ฝัน...
และในปีเดียวกันความนิยมในตัวเขาที่เพิ่มมากขึ้น ก็กลายเป็นแรงผลักดันให้เขา
ได้มีโอกาสได้ทัวร์คอนเสิร์ตในอเมริกา และทำให้ทั่วโลกกล่าวขวัญถึงเขามากขึ้นว่า
ดนตรีของเขาเปรียบเหมือน การได้สัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจของเด็กทารก...
ในปี
1992 กับการยอมรับ และความนิยมที่พุ่งถึงขีดสุด เรียกได้ว่าเป็นปีทองของตัวเขา
ที่ได้ร่วมงานกับ Jon Anderson ใน Album Dream ที่ทำต่อเนื่องจาก
Live In America ทุกคนทุกเสียงต่างชื่นชม และชื่นชอบงานเพลงของ
KITARO และตัวเขายังได้ประพันธ์เพลงให้กับ Oliver
Stone ในภาพยนตร์ไตรภาคที่โด่งดังนั่นคือ Heaven And Earth
และเพลงประกอบภาพยนตร์เพลงนี้เอง ที่ได้สร้างความประทับใจไปทั่วโลก
และ ทำให้เขาได้รับ รางวัลลูกโลกทองคำ ได้ในที่สุด... เป็นที่ทราบกันดีว่า
รางวัล Grammy Award คือความฝันสูงสุดของนักดนตรีทุกคน และการได้ขึ้นไปรับรางวัลนี้ก็คือ
ฝันที่เป็นจริงของเขา
โดยหลังจากที่ได้เดินอยู่บนเส้นทางสายดนตรีมานาน...
KITARO ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Grammy Award
อีกครั้ง จากหลากหลายบทเพลง... และสุดท้ายความฝันก็เป็นจริง
เมื่อเขาได้รับรางวัล Grammy Award ในสาขา Best New Age
Album Category กับ อัลบั้ม Thinking Of Youและตัวเขาเองยังคงได้รับรางวัลทรงคุณค่า
อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Japan Record Award Special Prize
, Hong Kong Academy Golden, Award Best Original Music
, Taiwan Golden Award , The 51 St Golden Glove Award Best
Composer.
จากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน
KITARO ยังคงผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องจนได้รับการยอมรับว่า
KITARO คือ ต้นตำรับของการประพันธ์ดนตรี New Age
และเขาคือผู้สร้างสรรค์จินตนาการจากเพลง ให้เกิดเป็นภาพที่ไม่มีสิ่งใดปิดกั้นได้
และยากที่จะมีใคร ทำได้อย่างเขาผู้นี้ ... KITARO
คิทาโร่สรุปตอนท้ายว่า
"เป้าหมายสูงสุดของผมคือการปลดปล่อยอารมณ์ของผมผ่านทางเสียงดนตรีเหล่านี้เพื่อที่คนฟังจะได้รับรู้และสนุกไปพร้อม
ๆ กัน"
ธรรมชาติ คือ แรงบันดาลใจของผม เพลงบางเพลงเปรียบได้ดั่งเมฆ
และบางเพลงก็เปรียบดั่งสายน้ำ นี่คือ ความรู้สึกของนักประพันธ์เพลง
ผู้ยิ่งใหญ่ของ ญี่ปุ่น ... KITARO ... สุดยอดอมตะนักดนตรี
แนว New age ตั้งแต่ในยุคทศวรรษ 1980 ...และถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่า
20 ปี
เขาก็ยังเป็นที่ยอมรับในแวดวงดนตรี
ด้วยลีลา และแบบฉบับที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยใช้เสียงจากธรรมชาติเข้าไปสร้างสีสันในเพลง
ผสมผสานกับ Sound ใหม่ๆ ในปัจจุบัน...
ข้อมูลจาก
thaiticketmaster
|