Japankiku
กับ Anone
...หากใครที่สนใจเรื่องการศึกษาด้านภาษาญี่ปุ่น น่าจะรู้จัก
"วรสาร Anone" กันเป็นอย่างดี แอนจังเองก็เป็นแฟนของ
"วรสาร Anone" มานานเคยถึงกับเขียนจดหมาย และส่งการ์ดไปให้กับทีมงานของ
Anone และเคยเล่นเกมส์ชิงเทปเพลงญี่ปุ่นจาก Anone อีกด้วย
(ปกติแอนจังเป็นคนที่ขี้เกียจเขียน จม.เป็นที่สุด) .. แอนจังอ่าน
Anone มาตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือทำเว็บ Japankiku นี้เลยด้วยซ้ำ
จนกระทั่งได้รู้จักกับ บรรณาธิการของ วรสาร Anone ซึ่งแอนจังเรียกจนติดปากว่า
อาจารย์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของ อาจารย์จริง ๆ
แต่รู้สึกว่า ได้รับความรู้มากมายจากการอ่าน วรสารที่ อ.
เป็นผู้ดูแลอยู่ ... จนกระทั่งปัจจุบัน Anone และ Japankiku
ก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านในระดับ VIP กันเลยทีเดียว ..
ในคอลัมน์ KIKU Interview นี้จึงได้สนใจกับการก้าวเข้ามาเป็น
บก. ของวรสารเพื่อการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่น Anone ว่าเป็นมายังไง
และอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งอาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังศึกษาภาษาญี่ปุ่น...
อาจารย์เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อไหร่
เริ่มเรียนตั้งแต่สมัย ปวช. ที่วิทยาลัยบพิตรพิมุข อาจารย์คนแรกคือ
อาจารย์เทรุโกะ สุริยง บพิตรพิมุขเป็นโรงเรียนแรกในประเทศไทยที่มีการสอนภาษาญี่ปุ่น
ผมเข้าไปเพราะรุ่นพี่ ๆ สอบได้ที่หนึ่งของประเทศสายทั่วไปติดกัน
2 ปี แถมทั้งสองคนได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปเรียนต่อญี่ปุ่นทั้งคู่
ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจอยากจะเดินตามรอยรุ่นพี่
ใช้เวลานานแค่ไหนในการเรียนภาษาญี่ปุ่นก่อนที่จะเข้าไปศึกษาต่อระดับปริญาตรีในญี่ปุ่น
หลังจากเรียนที่บพิตรพิมุข 2 ปียังไม่ทันจบ ปวช. ก็เทียบวุฒิ
ม.ศ. 5 (สมัยนั้น) แล้วไปสอบชิงทุนไปญี่ปุ่น
ได้ไปญี่ปุ่น ปีแรกก็ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ 1 ปี ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
เคยรู้สึกท้อมั้ยคะ เวลาจำภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ หรือจำตัวคันจิไม่ได้
แล้วมีวิธีไหนที่ทำให้สามารถจำภาษาญี่ปุ่นได้
ไม่เคยท้อ เพราะเรียนด้วยความสนุกมาตั้งแต่แรก วิธีจำตัวคันจิก็คือต้องเขียนใส่กระดาษ
เขียนไปด้วย
อ่านในใจไปด้วยเยอะ ๆ
ชีวิตตอนเป็นนักศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้างคะ
ต้องทำงานพิเศษด้วยรึป่าว
ผมโชคดีที่ไม่ต้องทำงานพิเศษ เพราะทุนรัฐบาลญี่ปุ่นให้มาเพียงพอ
แต่สิ่งที่ทำเยอะที่สุดที่ญี่ปุ่น
คือการดูโทรทัศน์ ดูทุกเมื่อที่ว่าง ทำให้ได้ภาษาญี่ปุ่นมากเลยครับ
เห็นว่า อาจารย์บัณฑิต เคยผ่านงานมามาก ช่วยเล่าให้ฟังได้มั้ยคะว่า
ที่ผ่านมาเคยทำงานอะไรมาบ้าง ทั้งงานประจำ งานส่วนตัว และงานพิเศษที่ญี่ปุ่น
เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยอยากตอบ เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่ายิ่งเปลี่ยนงานมากยิ่งดี
จริง ๆ แล้วเป็นคนที่ไม่คิดจะเปลี่ยนงานเลย แต่เหตุการณ์มันพาไปเสียส่วนใหญ่
งานแรกที่ทำทำอยู่ญี่ปุ่น คือเป็นพนักงานของบริษัทโตโยต้า
มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นที่ญี่ปุ่น เป็นที่ที่
เรียนรู้มากที่สุด ทั้งการทำงาน และภาษาญี่ปุ่น โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่นทางโทรศัพท์ที่
จะไม่มีวันเรียนรู้ได้ในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันสอนภาษาที่ไหน
โดยส่วนตัวแล้ว อาจารย์ชอบงานด้านไหนมากที่สุดคะ
ผมชอบงานด้านขีดเขียนและแปลมากที่สุดครับ งานที่ทำได้นานที่สุดคือ
งาน
บรรณาธิการวารสารเพื่อการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่นชื่อ อะโนเนะ
ทำมา 14 ปีแล้วครับ
ปัจจุบันกระแสญี่ปุ่น กำลังมาแรงในไทย ในฐานะที่ อาจารย์เป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในแวดวงญี่ปุ่นในไทย
มีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องกระแสคลั่งญี่ปุ่นในบ้านเราคะ
ก็ดีที่ทำให้ผมมีงานทำมากขึ้นนะครับ แต่ระยะหลังคนคลั่งญี่ปุ่นจะชอบเป็นบางอย่าง
โดยที่ไม่สนใจเรื่องอื่น ๆ เลย
มีคำแนะนำอะไรสำหรับผู้ที่สนใจจะสอบชิงทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
(อันนี้แฟน ๆ Japankiku ถามกันบ่อย)
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นไม่ได้สอบด้วยภาษาญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นจะต้องรู้ภาษาอังกฤษได้ดี
แล้วก็มีความรู้ในสาขาวิชาที่ตนเองอยากจะเรียนให้มากที่สุดครับ
ปัจจุบันทุนรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการคนที่ได้เกรดสูง ๆ เพราะฉะนั้นตอนเรียนก็ต้องพยายามทำเกรดให้ได้ดี
ๆ
จึงจะมีสิทธิ์สอบครับ
อาจารย์มาทำวรสาร Anone ได้ยังไงคะ
ตอนกลับจากญี่ปุ่นใหม่ ๆ วารสารของสมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่นมีส่วนของการสอน
ภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย และจำหน่ายให้กับคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนสอนภาษา
ญี่ปุ่นของสมาคมฯ แต่สมาชิกของสมาคมฯ ส่วนใหญ่บอกว่าเขารู้ภาษาญี่ปุ่นแล้ว
ในวารสารของสมาคมเป็นวารสารภายในไม่อยากให้มีคอลัมน์ภาษาญี่ปุ่น
จึงได้มีความคิดที่จะออกมาเป็นวารสาร Anone แทน โดยผมอยากจะทำอยู่แล้ว
ก็เลยอาสารับทำตั้งแต่เล่มแรกจนถึงปัจจุบันเล่มที่ 53 แล้วครับ
ตอนนี้ Anone เป็นยังไงบ้าง มีสมาชิกเยอะรึป่าวคะ
ก็เรื่อย ๆ ครับ สมาชิกไม่เคยเพิ่มมากขึ้นหรือลดน้อยลง เพราะเราไม่ได้ทำการตลาด
อย่างจริงจัง และเดี๋ยวนี้มีนิตยสาร หนังสือเกี่ยวกับญี่ปุ่นมากขึ้น
ทำให้แฟนของเรา
ต้องเป็นคนที่สนใจภาษาญี่ปุ่นจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งมีไม่มากหรอกครับ
เรียกได้ว่าน้อยมาก ถ้าไม่ได้ทำในนามสมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น
ป่านนี้คงเลิกไปนานแล้ว เพราะ
ไม่ได้กำไรเลย
อยากให้ฝากอะไรถึงแฟน ๆ Japankiku หรือคนที่กำลังคลั่งไคล้ญี่ปุ่นคะ
ก็อยากให้รู้อะไรรู้จริง สนใจเรื่องญี่ปุ่นก็อยากให้ศึกษาจริงจัง
ไม่ใช่สนใจแต่เฉพาะ
คนที่เราชอบ ไม่เช่นนั้นก็คงจะผ่านมาแล้วก็ผ่านไปโดยไม่ได้อะไรติดตัว
ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ
อ.บัณฑิต แล้วอาจจะทำให้หลาย ๆ คนเกิดแรงบันดาลใจ และพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองเลือก..
และค้นหาตัวเองจนพบว่าตัวตนที่แท้จริงของเราคืออะไรและมุ่งที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ...
คราวหน้าแอนจังจะนำเรื่องราวของคนที่เกี่ยวข้องกับ "ญี่ปุ่น"
หรือคนญี่ปุ่นที่ "หลงใหล" ประเทศไทยมาฝากกันต่อไป..
ติดตามกันด้วยนะจ้ะ
|