....จากที่ไม่ค่อยชอบญี่ปุ่น
เมื่อคิดย้อนไปเมื่อประมาณเป็นเด็ก ๆ จากที่ไม่ค่อยจะชอบญี่ปุ่นเท่าไหร่เพราะว่าเคยได้เรียนในวิชาสังคมว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตผงชูรส "อายิโนะโมะโตะ" มาขายให้คนไทยกินแต่ตัวเองไม่ยอมกิน ประเทศที่ไทยเสียดุลการค้าให้มากมาย ด้วยความคิดคับแคบของตัวเองในตอนนั้น ก็ไม่เคยสนใจประเทศนี้เลย นอกจากการ์ตูนตาหวาน หรือการ์ตูนญี่ปุ่นที่เคยอ่านสมัยเป็นนักเรียน หรือการ์ตูนที่เคยดูทางทีวีในสมัยก่อน ทำให้รู้จักเพลงญี่ปุ่นแค่เพลงการ์ตูนโดราเอม่อน อาราเร่ และอิคคิวซังเท่านั้น

...Namie Amuro ฉันรักเพลงญี่ปุ่นเพราะคุณ!!
จนกระทั่งประมาณปี 1997 แอนจังเข้าเรียนที่ สถาบันเทคโนโลยี ราชมงคล วิทยาเขตภาคพายัพ สาขาออกแบบนิเทศน์ศิลป์ วิชาเอกการออกแบบสิ่งพิมพ์ และได้รู้จักกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นคนนึงในวันลอยกระทงที่เชียงใหม่ โดยบังเอิญ พอเขากลับไปญี่ปุ่น เขาได้ส่งเทปเพลงญี่ปุ่นมาให้ พอแอนจังเปิดฟังก็มีอยู่หลายเพลงด้วยกัน แต่มีอยู่เพลงหนึ่งที่แอนจังฟังแล้วรู้สึกประทับใจมาก ในเพลงร้องว่า.....


[ดูคลิปวีดีโอสุดประทับใจที่นี่]

" Can you celebrate? Can you kiss me tonight?
We will love long long time.
Eien te iu kotoba nante shiranakatta yo ne
(Can you celebrate?)
(Can you kiss me tonight?)
(We will love long long time)
Futari kiri dane konya kara wa sukoshi tereru yo ne
La la la... La la la..."

แอนจังไม่รู้ความหมายเลยว่าในเพลงมีความหมายว่ายังไง สุดท้ายก็ต้องเขียนจดหมายหาเพื่อนคนญี่ปุ่นคนนั้นถามถึงนักร้องคนนี้ และความหมายของเพลงนี้จากจดหมายฉบับนั้นเอง เพื่อนคนนี้ยังได้ส่ง วีดีโอ (สมัยนั้นยังไม่มี VCD) มาให้ และก็ได้เห็นนักร้องญี่ปุ่นเป็น ครั้งแรก ได้ฟังเพลงญี่ปุ่นมากมายหลายเพลง และได้เห็นหน้าตานักร้องจากวีดีโอม้วนนี้ เมื่อ Namie Amuro ขึ้นร้องเพลงนี้ในงานคอนเสิร์ตครั้งนั้นอยู่ ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมา

แอนจังรู้สึกซาบซึ้งกับเพลงและตัวของ Namie เป็นอย่างมาก สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าเธอกำลังจะแต่งงาน และกำลังท้องอยู่ด้วย เธอจึงร้องไห้ด้วยความปลาบปลื้มกับเพลง " Can you celebrate" ของเธอนั่นเอง ..... ตั้งแต่นั้นมาแอนจังก็เริ่มติดตามข่าวของเธอจากเพื่อนชาวญี่ปุ่น และเริ่มหาเพลงญี่ปุ่นในแนว JPOP มาฟัง เท่าที่จะหาได้ในประเทศไทย ซึ่งในสมัยนั้นคำว่า Internet ค่อนข้างใหม่สำหรับตัวแอนจังเอง...

....ก้าวแรกบนโลก Cyber
ความรู้ในด้านคอมพิวเตอร์ของแอนจังในตอนนั้น ก็ไม่ถือว่าเก่งอะไรโปรแกรมที่ใช้เป็นในตอนนั้นก็จะมีแค่ Word , Photoshop , Page Maker ไม่รู้จักโปรแกรมการทำเว็บไซต์เลย แต่โชคดีที่ทางบ้านของแอนจังในขณะนั้นเปิดสอนคอมพิวเตอร์ โดยพี่ชายเป็นคนสอน และพี่ชายก็สมัคร Email ให้ใน @hotmail เมื่อเริ่มมีอีเมลล์แต่ไม่รู้ว่าใครจะส่งอีเมลล์มาหา ก็เลยต้องหาเพื่อนคุยทาง Internet เพื่อจะให้ใครก็ได้ส่งเมลล์มาหา พร้อมกับเล่น Chart ใน PRICH ไปด้วยจนกระทั่งมาเล่น ICQ ก็ทำให้มีเพื่อน ๆ มากทั้งคนที่ชอบญี่ปุ่นด้วยกันในขณะนั้นซึ่งน้อยมาก และเพื่อน ๆ ที่เป็น webmaster สมัครเล่น และ admin สมัครเล่น อีกหลายคน .....

แอนจังเริ่มติดอยู่กับเพื่อน ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าตาได้แต่คุยกันอย่างถูกคอในคอมพิวเตอร์เท่านั้น พร้อมกับท่องเว็บไซต์เกี่ยวกับเพลงญี่ปุ่นที่มีแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น ในตอนนั้นจะว่าไปแล้วก็ไม่มีเว็บเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่เป็นภาษาไทยอยู่เลยแม้แต่เว็บเดียว หรือแอนจังอาจจะหาไม่เจอก็เป็นได้เพราะเว็บเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่เป็นภาษาไทยแทบจะไม่มีหรือมีน้อยมากกกก แอนจังจึงต้องดูเว็บที่เป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ และก็เริ่มรู้จักการดาว์โหลด midi, mp3 เพลงญี่ปุ่นมาฟัง หาเนื้อเพลงญี่ปุ่นที่เป็นภาษาอังกฤษมาฝึกร้อง เรียนภาษาญี่ปุ่นผ่านเว็บ สะสมรูปภาพนักร้องญี่ปุ่นที่ชอบในขณะนั้น ก็จะมี Namie, ELT , Kiroro , Glay , Smap....

แอนจังวนเวียนอยู่กับเว็บญี่ปุ่น และเพื่อน ๆ ในเนทจนเรียนจบ ปวส. ที่เทคโน และได้มาเรียนต่อ ป.ตรี ที่ ม.แม่โจ้ จนกระทั่งวันหนึ่งฮาร์ตดิสในคอมฯ ของพี่ชายเกือบเต็มเพราะมีแต่ไฟล์เพลง ไฟล์รูปภาพญี่ปุ่นที่เจ้าของเครื่องไม่สนใจ เต็มไปหมด แอนจังก็เลยต้องหาที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่แอนจังสะสมมานานกว่า 3 ปี ที่ไหนสักแห่ง ก่อนที่เจ้าของเครื่องคอมฯ จะทวงพื้นที่ฮาร์ทดิสคืน......

....kiku2000 เกิดขึ้นแล้วนะ!!
เพื่อนคนหนึ่งจากการเล่น ICQ อวดเว็บที่เขาทำขึ้นเล่น ๆ ด้วยโปรแกรม Fornt Page แอนจังเห็นก็ตื่นเต้นมาก และจากการได้คุยกับเพื่อนคนนี้นานมาแล้วก็เลยได้รับการแนะนำการใช้โปรแกรม Fornt Page อธิบายถึงการเก็บเว็บไซต์ไว้ใน Server ในตอนนั้นเพื่อนคนนี้ได้สมัคร Free Server ให้.... เพื่อจะใช้เป็นที่เก็บ midi , mp3 , รูปภาพ และ สาระพัด link เกี่ยวกับญี่ปุ่นหลายสิบ link ที่จะเก็บไว้ดูคนเดียวเพราะไม่มีที่เก็บก็เลยได้คิดชื่อโฮมเพจเล็ก ๆ นี้ว่า "Japankiku" และได้อาศัยพื้นที่ของ geocities.com เป็นที่เก็บโฮมเพจนี้... โดยใช้ url ว่า http://www.geocities.com/kiku2000

...ความหมายที่แท้จริงของ Japankiku
คำว่า "คิขุ" ในประเทศไทยเป็นที่รู้จักกันดีในคำว่า "คิขุ อะโนะเนะ" และด้วยความที่แอนจังชอบสีชมพู มาตั้งแต่เด็ก ๆ กระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย ของใช้ทุกชิ้นยังคงเป็นสีชมพู ตั้งแต่กระเป๋า ปากกา โบว์ผูกผม ทุกอย่างเป็นของแมวสีชมพูที่ชื่อว่า Kitty ซึ่งเพื่อนที่อยู่มหาลัยเขาไม่ใช้สีชมพูกันแล้ว .... ใคร ๆ ก็เลยชอบว่า "แอนทำตัวคิขุ"

และได้มาเปิดเช็คความหมายที่แท้จริงของคำว่า kiku ก็ได้ความหมายหลายความหมายด้วยกัน

แปลว่า ฟัง
(ดอก) เบญจมาส
ใช้ได้ผล

แอนจังได้เลือกตัวคันจิที่เขียน ที่แปลว่า "ฟัง" นำมารวมกับคำว่า Japan ซึ่งเป็นเนื้อหาของโฮมเพจที่มีแต่เรื่องราวของญี่ปุ่นล้วน ๆ ในที่สุดคำว่า "JapanKIKU" จึงเกิดขึ้น เมื่อนำมารวมกัน คำว่า "JapanKIKU" จึงแปลว่า "ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่น (จากแอนจัง)" ไงล่ะ

......ที่มาของโลโก้
แอนจังนั่งคิด นอนคิดโลโก้ของ Japankiku อยู่หลายอาทิตย์ และแล้วในวันหนึ่งตอนตีสามก็ตื่นขึ้นมาแล้วรีบหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาวาดรูปตัว J และ ตัว K เอามาเชื่อมกัน ออกมาเป็นภาพ ผู้หญิงญี่ปุ่นในชุดกิโมโน ยืนหันด้านข้าง และโค้งในสไตล์ญี่ปุ่น โดยสีชมพูแทนรูปร่างของคน และสีดำแทนภาพของ โอบิ (ผ้าคาดเอวสำหรับกิโมโน) ที่ผูกเป็นโบว์

....E mail จากเพื่อนลึกลับถึงแอนจัง
หลังจากโฮมเพจเล็ก ๆ ที่มีจุดประสงค์แค่เก็บเรื่องราวของญี่ปุ่นที่สะสมมาเพื่อเก็บไว้ดูคนเดียว ก็ไม่ได้ดูคนเดียวอีกต่อไป วันหนึ่งเมื่อเช็คอีเมลล์ที่ไม่ค่อยมีคนเมลล์มา มีอีเมลล์ฉบับหนึ่งเขียนทักทายและบอกว่าชอบญี่ปุ่นเหมือนกันและได้เข้ามาดูข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่นจาก โฮมเพจ kiku2000 ก็เลยเมลล์มาหาและขอให้แอนจังหาข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่นอื่น ๆ ที่แอนจังไม่ได้ลงไว้..

แอนจังเริ่มรู้ว่ามีคนเข้ามาดู JapanKIKU จาก 1 คน เป็น 2 คน เป็น 3 คน จนเป็น 10 คน 30 คน 50 คน ...ในตอนนั้นดีใจมาก ๆ เล่าให้แม่ฟัง อวดน้อง อวดพี่ชาย อวดเพื่อน ๆ ที่ มหาลัย (ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครที่สนใจเพลงญี่ปุ่น) ก็ยังอวดว่ามีคนเข้ามาใช้ kiku2000 โฮมเพจญี่ปุ่นภาษาไทยของเรา จากที่ไม่เคยอัพเดท จนต้องเริ่มอัพเดทแบบแล้วแต่อารมณ์ นาน ๆ ที แต่ก็ยังมีคนเข้ามาดูเรื่อย ๆ ...

...เมื่อ JapanKIKU กลายเป็นเว็บเร่ร่อน
หลังจากนั้นก็ได้พัฒนาจากโฮมเพจส่วนตัวจนกลายเป็น "เว็บไซต์ญี่ปุ่นสายพันธุ์ไทย" ย้าย Server บ่อยเป็นว่าเล่นเพราะเป็น server ฟรี บางวันก็ดาว์น บางวันก็เข้าไม่ได้ ก็เลยต้องย้าย server บ่อย แต่ยังคงชื่อ JapanKIKU ไว้ เท่าที่จำได้ Server ที่ JapanKIKU ได้ไปอาศัย ฟรี เช่น
ที่แรก http://www.geocities.com/kiku2000
ที่สอง http://www.hypermart.net/japankiku
ที่สาม http://annz.miroo.com/
(เป็น Server ของมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เพื่อน admin แอบแบ่งให้ใช้ฟรี)
...ในตอนนั้นเว็บ JapanKIKU ก็เริ่มใหญ่ขึ้นมากหลายร้อยหน้า ขนาดเกิน 50 Mb เกินกว่าที่จะใช้ Server ฟรีได้ ก็เลยจดโดเมนเนมปีละ 600 บ. โดยใช้ชื่อว่า www.japankiku.com และใช้ Server ฟรีของเพื่อน admin คนเดิม ประมาณ 2 ปีกว่า ๆ ...

และแล้วเพื่อน admin คนนั้นเรียนจบก็ไม่ได้ทำหน้าที่ admin ให้โรงเรียนแห่งนั้นอีก พื้นที่ที่เคยให้ japankiku อาศัยอยู่อย่างสบายใจ สบายกระเป๋า ก็ต้องเอาคืนให้ทางโรงเรียนไป... พร้อมกับแอนจังเรียนจบและได้ทำงานกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ จึงพอจะมีเงินเช่นพื้นที่ Server เป็นของตัวเอง ในครั้งแรกเช่าถึงเดือนละ 1,500 บ. ซึ่งถือว่าแพงมาก พออยู่ได้ไม่ถึงปี ก็ต้องย้ายอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน จ่ายค่า Server ราคาถูกลงมาก และได้รับบริการที่ดีจากเจ้าของ Server

......JapanKIKU มีชื่อเสียงแล้วเหรอเนี้ย?!
จากที่มีคนเข้าเว็บไซต์ Japankiku จากสิบ เป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน ต่อวันในขณะนี้สถิติการเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นทุกปี Japankiku เป็นที่รู้จักของบรรดาสาวกเจแปนชาวไทยอย่างมาก จนไม่น่าเชื่อ แม้แต่คนไทยที่อยู่ต่างประเทศที่หลงไหลญี่ปุ่นก็เข้ามาทักทายกับแอนจังทางเมลล์ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนไทยในญี่ปุ่น นักเรียนไทยในอเมริกา แคนนาดา แม็กซีโก เกาหลี และอีกหลาย ๆ ประเทศที่แวะเวียนเข้ามาทักทายแอนจังไม่เคยขาด หรือแม้แต่น้อง ๆ นักเรียน นักศึกษา คนทำงานที่มีใจชอบประเทศญี่ปุ่น เพลงญี่ปุ่น ที่ส่งเมลล์มาให้กำลังใจ มาพูดคุย มาทักทาย หรือแม้แต่มาปรึกษาปัญหาหัวใจ กับแอนจังก็มี ทำให้มีกำลังใจที่จะพัฒนา Japankiku ต่อไป

@ เคยได้ยินว่า.."อินเตอร์เน็ตคือโลกที่หลอกลวง"
แรก ๆ ฉันก็คิดเช่นนั้น...แต่เมื่อคุณได้ใช้เวลากับมันไปเรื่อย ๆ
ความคิดก็อาจไม่เป็นจริงเสมอไป
เส้นทางที่เดินอาจจะแตกต่างกันไป

@ เพื่อนดีดี... ความคิดดีดี... ไอเดียใหม่ใหม่...
ก็ได้จาก... อินเตอร์เน็ตนี่แหละ...

@ การที่มองสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงด้านเดียวแล้วตัดสินว่า
สิ่งนั้นดีหรือไม่ดี.... ลองให้โอกาสมันอีกซักนิด...
ความคิดที่ถูกต้อง...ก็ขี้นอยู่กับคุณ..

.....JapanKIKU นอกจอ คอมพิวเตอร์

ปี 2004 Japankiku

20 กันยายน ลงหนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นรายสัปดาห์ "ไทย เคไซ [Thai Keizai]"


"ไทย เคไซ [Thai Keizai]"
ฉบับวันที่ 20 กย.2004 Vol.8/362

เดือนกันยายน ลง วรสาร "จากญี่ปุ่น" ของสำนักข่าวสารญี่ปุ่นประจำสถานเอกอัคราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย


แอนจังและเจ้าหน้าที่ใน "สำนักข่าวสารญี่ปุ่น
ประจำสถานเอกอัคราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย


ลงวรสาร "จากญี่ปุ่น"
ฉบับที่ 3/2547 ประจำเดือน กันยายน - ธันวาคม

วันที่ 10 กันยายน Japankiku Meeting ลงหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น One 2 Chiangmai


ลงหนังสือพิมพ์ One 2 Chiangmai
ฉบับที่ 37 ประจำวันที่ 10 กันยายน 2004

- วันที่ 21 สิงหาคม ครั้งแรกของ Japankiku ที่จัดงาน Meeting กับเขาด้วยหลังจากทำเว็บมากนานหลายปี ได้พบเจอตัวเป็น ๆ กันแล้ว และในงานก็สนุกมากเลย แอนจังดีใจที่สุดเลยคะ อ่านบรรยากาศงาน Meeting

- วันที่ 28 กรกฎาคม Mr.Takero Mori, First Secretary, Japan Information Service, Embassy of Japan เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และมาพบกับแอนจังถึงเชียงใหม่ เพื่อมาสัมภาษณ์แอนจังเกี่ยวกับเว็บไซต์ Japankiku และเรื่องการท่องเที่ยวญี่ปุ่นของคนไทย เพื่อลงใน วรสาร "จากญี่ปุ่น" ของสถานทูตญี่ปุ่นฯ หรือที่เว็บไซต์ของสถานทูตญี่ปุ่นฯ http://embjp-th.org/
ในหัวข้อ สำนักข่าวสารญี่ปุ่น > วารสาร ของสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น


วันที่ 28 กรกฎาคม 2547
แอนจังและ Mr.Takero Mori
First Secretary
Japan Information Service
Embassy of Japan

- กุมภาพันธ์ ลง นสพ.ไทยในญี่ปุ่น Bangkok Time ฉบับที่ 97


ลง นสพ.ไทยในญี่ปุ่น
Bangkok Time

ฉบับที่ 97 กุมภาพันธ์ 2547

ปี 2003 Japankiku ลงนิตยสาร Na a ni , วรสาร Anone และหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น One 2 Chiangmai และหนังสือแนะนำเว็บไซต์ทั่วไทยอีกหลายเล่ม


ลงนิตยสาร Na a ni
ฉบับที่ 57 เมษา-พฤษภา 2546


ลงหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นในไทย
One 2 Chiangm
ai
ฉบับที่ 1 มกราคม 2546

ปี 2001-2003 (ภาพ : แอนจังไปทักทายทีมงาน Fun Overtime ที่ช่อง 3) รายการ F.O.T ที่ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3 (ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรายการ Fun Overtime ที่ไม่เปิดเพลงญี่ปุ่นแล้ว) ตอนกลางคืนที่เปิดเพลงญี่ปุ่นเป็นรายการแรกในไทยได้ร่วมมือกับ Japankiku โดยการส่งข้อมูลที่จะออกอากาศในแต่ละอาทิตย์มาให้เราช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านหน้าเว็บ

ปี 2002-ปัจจุบัน รายการ J Zone รายการเพลงญี่ปุ่นออกอากาศทางช่อง 7 ก็ส่งรายการที่จะออกอากาศในแต่ละอาทิตย์ หรือหากสัปดาห์ไหนงดออกอากาศ บรรดาสาวกชาวเจก็ไม่ต้องรอเก้อเพราะจะมีแจ้งไว้ใน Japankiku ที่นี่ที่เดียว

ปี 2002 รายการวิทยุ (จำชื่อไม่ได้) คลื่น 105.00 Mhz อ.ส.ม.ท กรุงเทพฯ สัมภาษณ์ Webmaster Japankiku ทางโทรศัพท์เกี่ยวกับเว็บไซต์

ถึงวันนี้.. Japankiku เป็นที่รู้จักในฐานะเว็บไซต์เกี่ยวกับญี่ปุ่นที่เป็นภาษาไทย และเป็นศูนย์รวมคนที่คลั่งไคล้ หลงไหล เพลงญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น คนญี่ปุ่น ... แอนจังก็ยังจะดูแล Japankiku ต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าแม้บางครั้งจะเหนื่อยและท้อบ้างแต่ก็จะตั้งใจทำเว็บไซต์นี้ต่อไป... สักวันคงจะมีคนใจดีที่จะมาสนับสนุนเว็บญี่ปุ่นสายพันธุ์ไทยเว็บนี้ เพื่อให้มีการจัดการบริหารเว็บไซต์ให้เป็นระบบมากขึ้น...

แอนจัง
webmaster@japankiku.com

ติดต่อ Japankiku :: ตู้ ปณ.7 ปณ.สันทราย
อ.สันทรายจ.เชียงใหม่ 50210

 

ลงหนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น รายสัปดาห์ "ไทย เคไซ [Thai Keizai]" ฉบับวันที่ 9 กย.04 Vol.8/362

ลงวรสาร "จากญี่ปุ่น"
ฉบับที่ 3/2547 ประจำเดือน กันยายน - ธันวาคม

Japankiku Meeting
ลงหนังสือพิมพ์ One 2
Chiangmai

ฉบับที่ 37 ประจำวันที่ 10 กันยายน 2004

ลง นสพ.ไทยในญี่ปุ่น
Bangkok Time

ฉบับที่ 97 กุมภาพันธ์ 2547

ลงนิตยสาร
Naani-japan world

ฉบับที่ 57 เมษา-พฤษภา 2546

ลงหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น
One 2 Chiangm
ai
ฉบับที่ 1 มกราคม 2546

ลงวรสาร Anone
ของสมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่นฯ

ฉบับที่ 44 กรกฎา - กันยา 2545


webmaster@japankiku.com